ลูกหนี้รายใหญ่
วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สนส. ๒๒/๒๕๕๕ เรื่อง หลักเกณฑ์การกำกับลูกหนี้รายใหญ่ (Single Lending Limit) จะมีผลใช้บังคับแล้ว
ก่อนหน้านี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สนส. ๓๕/๒๕๕๑ เรื่อง หลักเกณฑ์การกำกับลูกหนี้รายใหญ่ (Single Lending Limit) ลงวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๑ โดยรวบรวมประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับหลักเกณฑ์การกำกับ ลูกหนี้รายใหญ่มาไว้ใน ฉบับเดียวกัน
รวมทั้งขยายขอบเขตการกำกับลูกหนี้รายใหญ่โดยการนับรวมการทำธุรกรรมทุก ประเภท ในการคำนวณอัตราส่วน การนับความสัมพันธ์ของลูกหนี้ตามนิยามผู้ที่เกี่ยวข้อง และการขยายฐาน เงินกองทุน เพื่อให้การกำกับดูแลสถาบันการเงินทุกประเภทเป็นมาตรฐานเดียวกัน สามารถรองรับ ความเสี่ยงจากการทำธุรกรรมของสถาบันการเงินได้จริง และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล มาระยะหนึ่ง แล้วนั้น
ปัจจุบันสถาบันการเงินได้ให้บริการธุรกรรมทางการเงินในหลายรูปแบบเพื่อ ตอบสนองต่อความต้องการ ของลูกค้าในการทำธุรกรรมทั้งในและต่างประเทศซึ่งสอดคล้องกับแนวทางหรือ กฎเกณฑ์ข้อบังคับสากล ขององค์กรกลางระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง และให้ความสำคัญต่อการบริหารความเสี่ยงจากการทำ ธุรกรรมดังกล่าวเพื่อให้สามารถรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงเห็นควรปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลลูกหนี้รายใหญ่ ให้สอดคล้องกับรูปแบบการประกอบธุรกิจและการบริหารความเสี่ยงของสถาบันการ เงินที่เปลี่ยนแปลงไปโดยหลักเกณฑ์ในการกำกับดูแลนี้จะเน้นการพิจารณาจากความ เสี่ยงและผลตอบแทนเป็นสำคัญ
ขอขอบคุณข้อมูล: matichon.co.th ลงวันที่ 26-01-2013 By CreditOnHand
ก่อนหน้านี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สนส. ๓๕/๒๕๕๑ เรื่อง หลักเกณฑ์การกำกับลูกหนี้รายใหญ่ (Single Lending Limit) ลงวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๑ โดยรวบรวมประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับหลักเกณฑ์การกำกับ ลูกหนี้รายใหญ่มาไว้ใน ฉบับเดียวกัน
รวมทั้งขยายขอบเขตการกำกับลูกหนี้รายใหญ่โดยการนับรวมการทำธุรกรรมทุก ประเภท ในการคำนวณอัตราส่วน การนับความสัมพันธ์ของลูกหนี้ตามนิยามผู้ที่เกี่ยวข้อง และการขยายฐาน เงินกองทุน เพื่อให้การกำกับดูแลสถาบันการเงินทุกประเภทเป็นมาตรฐานเดียวกัน สามารถรองรับ ความเสี่ยงจากการทำธุรกรรมของสถาบันการเงินได้จริง และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล มาระยะหนึ่ง แล้วนั้น
ปัจจุบันสถาบันการเงินได้ให้บริการธุรกรรมทางการเงินในหลายรูปแบบเพื่อ ตอบสนองต่อความต้องการ ของลูกค้าในการทำธุรกรรมทั้งในและต่างประเทศซึ่งสอดคล้องกับแนวทางหรือ กฎเกณฑ์ข้อบังคับสากล ขององค์กรกลางระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง และให้ความสำคัญต่อการบริหารความเสี่ยงจากการทำ ธุรกรรมดังกล่าวเพื่อให้สามารถรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงเห็นควรปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลลูกหนี้รายใหญ่ ให้สอดคล้องกับรูปแบบการประกอบธุรกิจและการบริหารความเสี่ยงของสถาบันการ เงินที่เปลี่ยนแปลงไปโดยหลักเกณฑ์ในการกำกับดูแลนี้จะเน้นการพิจารณาจากความ เสี่ยงและผลตอบแทนเป็นสำคัญ
ขอขอบคุณข้อมูล: matichon.co.th ลงวันที่ 26-01-2013 By CreditOnHand
สปอตร์สแควร์
สิงห์ คอร์เปอเรชั่น โดดหนุนกอล์ฟอาชีพรายการยิ่งใหญ่แห่งปีประเดิมรับปี "งูเล็ก" ด้วยศึกดวลก้านเหล็ก "ออล ไทยแลนด์ กอล์ฟ ทัวร์" ครั้งที่ 14 ชิงเงินรางวัลรวม 4.3 ล้านบาท ที่สนามกอล์ฟสันติบุรี คันทรีคลับ จ.เชียงราย ระหว่างวันที่ 31 ม.ค. ถึง 3 ก.พ. งานนี้จึงระดมไปด้วยมือโปรชั้นนำของไทยมากหน้าหลายตา โดยเฉพาะแชมป์เก่า ประหยัด มากแสง หมายมั่นจะหยิบแชมป์มาครองอีกสมัย... และที่ขาดไม่ได้ ถาวร วิรัตน์จันทร์, บุญชู เรืองกิจ, ธรรมนูญ ศรีโรจน์, เชาวลิต ผลาผล, อุดร ดวงเดชา, ชัพชัย นิราช, กิรเดช อภิบาลรัตน์ มากันพร้อมหน้าพร้อมตา ในขณะที่ประเภทหญิง ที่ชิงเงินรางวัล 3 แสนบาท มี ธิฎาภา สุวัณณะปุระ แชมป์เมื่อปีที่ผ่านที่เพิ่งได้ทัวร์การ์ดแอลพีจีเอ ทัวร์ เต็มฤดูกาล 2013 กลับมาป้องกันแชมป์ พร้อมกับ ภรณีย์ ชุติชัย และ ธิรนันท์ อยู่ปาน ทั้งนี้ใน 2 วันสุดท้าย 2-3 ก.พ. จะมีการถ่ายทอดสดทางทรูวิชั่นส์ ช่อง 102 ตั้งแต่เวลา 13.00 น. ... สงสัยจะเอาดีทางกีฬากอล์ฟช่วงนี้ มีรายการไหน เชื้อเชิญ "เจ้าบอล"ภราดร ศรีชาพันธ์ุ อดีตนักเทนนิสมือ 9 ของโลก ได้ตอบตกลงเข้าโชว์ลีลาลูกไดรฟ์ที่มีข่าวว่าไดรฟ์แต่ละที 300 กว่าหลา ในรายการ "ซันไรส์ ลากูน ไทยแลนด์ มาสเตอร์" ชิงเงินรางวัล 3 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 17-20 ม.ค. ที่สนามซันไรส์ ลากูน กอล์ฟ แอนด์ คันทรี่ คลับ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา แต่ผลงานจะเข้าตำรา "ไดรฟ์ตรงถึงธงจ่ายตังค์หรือเปล่า" น่าติดตาม... ณัธวัช อักษรชาติ ผู้จัดการทั่วไป สนามธนาซิตี้กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จัดกิจกรรม "ทีซี ทิวส์ เดย์ เครซี่ กอล์ฟ" ปาร์ตี้หลังออกรอบ ในบรรยากาศริมกรีน แสนโรแมนติก ขับกล่อมเบาๆ ด้วยวงดนตรี ทรีโอ เคล้าฟองเบียร์ ทุกวันอังคารตั้งแต่หกโมงเย็นถึงสองทุ่ม ตั้งแต่บัดนี้ถึงเดือนเมษายน สอบถามรายละเอียดได้ที่ 08-3304-4433 และ 08-6304-4455... พุธที่ 6 ก.พ. สุนทร สุรีย์เหลืองขจร และ โปรต้น-ธนายศ ทับทิม สองผู้บริหาร เดอะมอลล์กรุ๊ป จัดงานแถลงข่าวเปิดฤดูกาล "เดอะมอลล์ อัลติเมต กอล์ฟ 2013" ที่สนามเพรสซิเด้นท์ คันทรีคลับ สุวินทวงศ์ เวลา 10.00 น.... ดนัยวิชญ์ ธัญญสิริ ผจก.บัตรเครดิตกรุงไทย เคทีซี และ ประภัทรพร ชุ่มชูวัฒน์ จัดเลี้ยงฉลองปีใหม่ ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุน กรุงไทยเคทีซีการ์ด วันอังคารที่ 22 ม.ค. ที่ห้องอาหารเพลิน ถ.วิภาวดีรังสิต 18.00 น....
ขอขอบคุณข้อมูล: khaosod.co.th ลงวันที่ 19-01-2013 By CreditOnHand
ขอขอบคุณข้อมูล: khaosod.co.th ลงวันที่ 19-01-2013 By CreditOnHand
สังคมเศรษฐกิจ
วันที่ 12 ม.ค.2556 วันเสาร์ที่สองของเดือน ม.ค. เป็นวันเด็กแห่งชาติ คำขวัญวันเด็กปีนี้จากนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือ "รักษาวินัย ใฝ่เรียนรู้ เพิ่มพูนปัญญา นำ พาไทยสู่อาเซียน"...*
ก่อนที่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC จะเปิดฉากในต้นปี 2559 นาทีนี้ถือว่า "พม่า" เนื้อหอมสุดๆ หลังจากเริ่มเปิดประเทศ ล่าสุด ธนาคารกสิกรไทย ไปปักหมุด เปิดสำนักงานผู้แทน ณ กรุงย่างกุ้ง เป็นที่เรียบร้อย หลังจากธนาคารกรุงไทย ไทยพาณิชย์ นำร่องไปก่อน...*
เป็นไปตามคาด คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ประชุมนัดแรกของปีมะเส็งเมื่อวันที่9 ม.ค.2556 มีมติเอกฉันท์ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75% ต่อปี โดยประเมินว่านโยบายการเงินที่ผ่อนปรนต่อเนื่องตลอดปีที่ผ่านมา มีส่วนสำคัญช่วยสนับสนุนความเชื่อมั่นและอุปสงค์ของภาคเอกชนทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวจากอุทกภัยและรองรับผลกระทบของเศรษฐกิจโลกได้อย่างน่าพอใจ...*
แก้มปริกันอีกแล้วสำหรับชาว TUF หรือ บมจ.ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ เมื่อทริสเรตติ้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้เป็นระดับ AA- จากเดิมที่ระดับ A+ สะท้อนถึงศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ และความสามารถทางการแข่งขันของบริษัทในฐานะเป็นผู้นำอาหารทะเล และมีแบรนด์ชั้นนำระดับโลก รวมถึงการมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง...*
ส่วน บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA เปิดประเดิมหุ้นไอพีโอปีมะเส็ง เคาะราคาขาย IPO หุ้นละ 5.50 บาท เตรียมเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 14-16 ม.ค.นี้ และจะลงสนามเทรดในตลาด mai ในวันที่ 23 ม.ค.2556 ...*
บมจ.ยูนิเวนเจอร์ และ บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ เรียนเชิญร่วมงานแถลงข่าว "ทิศทางและแผนการดำ เนินธุรกิจในปี 2556" และความสำเร็จในการเข้าเทกโอเวอร์ "โกลเด้น แลนด์" ตลอดจนร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองต่อภาพรวมธุรกิจอสังหาริม ทรัพย์ไทยในปี 2556 วันพุธที่ 16 ม.ค.2556 เวลา 10.00-12.00 น. ณ วิคเตอร์ คลับ ชั้น 8 อาคารปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ ถนนวิทยุ...*
"เคทีซี" เปิดศักราชต้อนรับปีใหม่ ออกแคมเปญมัดใจสมาชิกกลุ่มไฮเอนด์ที่มีไลฟ์สไตล์แตกต่าง รวมถึงชื่นชอบการท่องเที่ยวอย่างมีระดับ ด้วยการมอบสิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี วีซ่า อินฟินิททุกประเภท และบัตรเครดิตเคทีซี-รอยัล ออร์คิด พลัส เวิลด์ มาสเตอร์การ์ด สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KTC Phone โทรศัพท์ 0-2665-5000 หรือที่
ขอขอบคุณข้อมูล:thaipost.com ลงวันที่ 12-01-2013 By CreditOnHand
ก่อนที่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC จะเปิดฉากในต้นปี 2559 นาทีนี้ถือว่า "พม่า" เนื้อหอมสุดๆ หลังจากเริ่มเปิดประเทศ ล่าสุด ธนาคารกสิกรไทย ไปปักหมุด เปิดสำนักงานผู้แทน ณ กรุงย่างกุ้ง เป็นที่เรียบร้อย หลังจากธนาคารกรุงไทย ไทยพาณิชย์ นำร่องไปก่อน...*
เป็นไปตามคาด คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ประชุมนัดแรกของปีมะเส็งเมื่อวันที่9 ม.ค.2556 มีมติเอกฉันท์ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75% ต่อปี โดยประเมินว่านโยบายการเงินที่ผ่อนปรนต่อเนื่องตลอดปีที่ผ่านมา มีส่วนสำคัญช่วยสนับสนุนความเชื่อมั่นและอุปสงค์ของภาคเอกชนทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวจากอุทกภัยและรองรับผลกระทบของเศรษฐกิจโลกได้อย่างน่าพอใจ...*
แก้มปริกันอีกแล้วสำหรับชาว TUF หรือ บมจ.ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ เมื่อทริสเรตติ้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้เป็นระดับ AA- จากเดิมที่ระดับ A+ สะท้อนถึงศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ และความสามารถทางการแข่งขันของบริษัทในฐานะเป็นผู้นำอาหารทะเล และมีแบรนด์ชั้นนำระดับโลก รวมถึงการมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง...*
ส่วน บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA เปิดประเดิมหุ้นไอพีโอปีมะเส็ง เคาะราคาขาย IPO หุ้นละ 5.50 บาท เตรียมเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 14-16 ม.ค.นี้ และจะลงสนามเทรดในตลาด mai ในวันที่ 23 ม.ค.2556 ...*
บมจ.ยูนิเวนเจอร์ และ บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ เรียนเชิญร่วมงานแถลงข่าว "ทิศทางและแผนการดำ เนินธุรกิจในปี 2556" และความสำเร็จในการเข้าเทกโอเวอร์ "โกลเด้น แลนด์" ตลอดจนร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองต่อภาพรวมธุรกิจอสังหาริม ทรัพย์ไทยในปี 2556 วันพุธที่ 16 ม.ค.2556 เวลา 10.00-12.00 น. ณ วิคเตอร์ คลับ ชั้น 8 อาคารปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ ถนนวิทยุ...*
"เคทีซี" เปิดศักราชต้อนรับปีใหม่ ออกแคมเปญมัดใจสมาชิกกลุ่มไฮเอนด์ที่มีไลฟ์สไตล์แตกต่าง รวมถึงชื่นชอบการท่องเที่ยวอย่างมีระดับ ด้วยการมอบสิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี วีซ่า อินฟินิททุกประเภท และบัตรเครดิตเคทีซี-รอยัล ออร์คิด พลัส เวิลด์ มาสเตอร์การ์ด สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KTC Phone โทรศัพท์ 0-2665-5000 หรือที่
ขอขอบคุณข้อมูล:thaipost.com ลงวันที่ 12-01-2013 By CreditOnHand
ktc
นายธีรยุทธ์ สิริกุลวิริยะวาณิช ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาดสมาชิกบัตร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมการใช้จ่ายบนฐานข้อมูลบัตรเครดิตของสมาชิกเคทีซีว่า “สมาชิกเคทีซีเริ่มหันมาให้ความสนใจกับการจับจ่ายสินค้าและบริการผ่านช่อง ทางออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว ความคุ้มค่าและสิทธิประโยชน์ที่มากกว่า ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของธุรกิจโซเชียลคอมเมิร์ซในเมืองไทยที่กำลังเติบโต และได้รับความนิยมอย่างสูง”
“เคทีซีจึงได้ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจและคู่ค้าทางการตลาด เปิดเว็บไซต์ “เคทีซี เบสท์ดีล” www.ktc.co.th/BestDeal รวมสุดยอดดีลสินค้าและบริการที่หลากหลาย เจาะหมวดการใช้จ่ายยอดฮิต ได้แก่ ร้านอาหาร สุขภาพความงาม ท่องเที่ยว ไอทีและแฟชั่น มาจำหน่ายในราคาพิเศษสุด พร้อมดีลส่วนลดที่รับประกันว่าดีที่สุด เพียงลงทะเบียนรับสิทธิ์ลุ้นซื้อสินค้า อาทิโทรศัพท์มือถือ Samsung Galaxy Note II ในราคาเพียง 50% จากราคาปกติ ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ - 5 ธันวาคม 2555 หรือลงทะเบียนรับสิทธ์ลุ้นซื้อโทรศัพท์มือถือ iPhone 5 ได้ในราคาเพียง 50% จากราคาปกติ ในวันที่ 6 ธันวาคม 2555 ถึง 5 มกราคม 2556 อีกทั้งยังมีดีลอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกหลากหลาย พร้อมการันตีคืนเงินส่วนต่าง หากสมาชิกพบว่าดีลสินค้าและบริการเหมือนกันแต่ราคาถูกกว่า”
“นอกจากนี้ เคทีซียังจัดดีลพิเศษเหนือใคร ให้กับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีโดยเฉพาะ เพียงแค่ 1 บาท ก็สามารถซื้อสินค้าและบริการที่ถูกใจได้ง่ายๆ โดยในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีสามารถซื้อดีลอิ่มอร่อยสุดคุ้มได้ที่แมคโดนัลด์ มูลค่า 200 บาท ในราคาเพียง 1 บาท ในวันที่ 12 ธันวาคม 2555 เวลา 14.00 น. จำกัดเพียง 200 ท่านแรกเท่านั้น”
ผู้สนใจและสมาชิกเคทีซีสามารถลงทะเบียนรับข่าวสารดีลสุดคุ้มและติดตาม สิทธิพิเศษดีๆ จาก KTC BestDeal ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ www.ktc.co.th/BestDeal สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 02-665-5000 หรือเว็บไซต์ www.ktc.co.th
ขอขอบคุณ:paidoo.net ลงวันที่ 1-12-12 By CreditOnHand
“เคทีซีจึงได้ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจและคู่ค้าทางการตลาด เปิดเว็บไซต์ “เคทีซี เบสท์ดีล” www.ktc.co.th/BestDeal รวมสุดยอดดีลสินค้าและบริการที่หลากหลาย เจาะหมวดการใช้จ่ายยอดฮิต ได้แก่ ร้านอาหาร สุขภาพความงาม ท่องเที่ยว ไอทีและแฟชั่น มาจำหน่ายในราคาพิเศษสุด พร้อมดีลส่วนลดที่รับประกันว่าดีที่สุด เพียงลงทะเบียนรับสิทธิ์ลุ้นซื้อสินค้า อาทิโทรศัพท์มือถือ Samsung Galaxy Note II ในราคาเพียง 50% จากราคาปกติ ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ - 5 ธันวาคม 2555 หรือลงทะเบียนรับสิทธ์ลุ้นซื้อโทรศัพท์มือถือ iPhone 5 ได้ในราคาเพียง 50% จากราคาปกติ ในวันที่ 6 ธันวาคม 2555 ถึง 5 มกราคม 2556 อีกทั้งยังมีดีลอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกหลากหลาย พร้อมการันตีคืนเงินส่วนต่าง หากสมาชิกพบว่าดีลสินค้าและบริการเหมือนกันแต่ราคาถูกกว่า”
“นอกจากนี้ เคทีซียังจัดดีลพิเศษเหนือใคร ให้กับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีโดยเฉพาะ เพียงแค่ 1 บาท ก็สามารถซื้อสินค้าและบริการที่ถูกใจได้ง่ายๆ โดยในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีสามารถซื้อดีลอิ่มอร่อยสุดคุ้มได้ที่แมคโดนัลด์ มูลค่า 200 บาท ในราคาเพียง 1 บาท ในวันที่ 12 ธันวาคม 2555 เวลา 14.00 น. จำกัดเพียง 200 ท่านแรกเท่านั้น”
ผู้สนใจและสมาชิกเคทีซีสามารถลงทะเบียนรับข่าวสารดีลสุดคุ้มและติดตาม สิทธิพิเศษดีๆ จาก KTC BestDeal ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ www.ktc.co.th/BestDeal สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 02-665-5000 หรือเว็บไซต์ www.ktc.co.th
ขอขอบคุณ:paidoo.net ลงวันที่ 1-12-12 By CreditOnHand
วันคริสต์มาส กับ แรงบันดาลใจ
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น ร่วมกับพันธมิตร AIS, ไทยประกันชีวิต, ฟอร์ด, โตโยต้า, บัตรเครดิตมาสเตอร์การ์ด, บัตรเครดิตอิออน และสปาช่า สลิมมิ่ง เซ็นเตอร์ เปิดงาน CPN Exclusive Journey of Happiness สุดยอดแคมเปญมอบความสุข ด้วยงบลงทุนกว่า 120 ล้านบาท ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลพลาซา และเซ็นทรัลเฟสติวัลทั้ง 20 แห่งทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 22 พฤศจิกายน 2555 ถึง 13 มกราคม 2556 พร้อมจัดเคาต์ดาวน์ยิ่งใหญ่ 7 แห่งที่เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลพลาซา เชียงราย เซ็นทรัลพลาซา พิษณุโลก เซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น เซ็นทรัลพลาซา อุดรธานี เซ็นทรัลพลาซา สุราษฎร์ธานี และเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช
ไฮไลต์ของกิจกรรมเปิดงาน CPN Exclusive Journey of Happiness ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดของซีพีเอ็น เปิดงานร่วมด้วยเหล่าเซเลบริตี้ดัง ประกอบด้วย แทม ศันสนา จิราธิวัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เล็ก- ณพาภรณ์ ณรงค์เดช, ปลื้ม - สุรบถ หลีกภัย ควงคู่มากับ ทับทิม - มัลลิกา จงวัฒนา และ แคท-ร.อ.หญิงวันทิตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ สร้างสีสัน พร้อมโชว์ไอเดียเก๋ตกแต่งต้นคริสต์มาสแห่งความสุขเพื่อนำไปมอบให้กับน้องๆ มูลนิธิต่างๆ
นอกจากนี้ภายในงานคริสต์มาส เรายังรวมแรงบันดาลใจด้านต่างๆ ของเหล่าคนดังมาอีกด้วย
Owner : ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)
Inspiration : จากความชอบกีฬามาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ทำให้นึกถึงบรรยากาศไปชมฟุตบอลคู่แรกในชีวิตที่อังกฤษ ที่นำไปสู่การเดินทางไปยุโรปนับครั้งไม่ถ้วน เพื่อไปซึมซับบรรยากาศการแข่งขัน ทุกๆ ปี และเป็นแฟนตัวยงของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมทั้งมีของสะสมเป็นเสื้อ รวมเกือบ 1,000 ตัว
Owner : แทม-ศันสนา จิราธิวัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)
Inspiration : ด้วยความที่ชอบช็อปปิ้ง ชอบศึกษาเทรนด์แฟชั่นอยู่แล้ว ทำให้รู้สึกว่ามีอะไรที่ปรับเปลี่ยนตลอดเวลา เลยทำให้เรารู้สึกสนุก และชื่นชอบค้นหาอะไรใหม่ๆ เสมอ พอได้มาทำงานเกี่ยวกับด้านแฟชั่นด้วยยิ่งถูกใจ ต้นคริสต์มาสต้นนี้ก็เหมือนกับแรงบันดาลใจที่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสุขที่มีเราสามารถสร้าง และตกแต่งตามความชอบ ที่ต้องค้นหา และตามเทรนด์เหมือนแฟชั่น
Inspiration : ส่วนตัวแล้วจะเป็นคนชอบแต่งตัว นำเสื้อผ้ามา mix & match โดยเฉพาะหนัง ที่ให้ความรู้สึกคลาสสิก ไม่ได้ตามแฟชั่นมาก แต่เป็นสไตล์ที่บ่งบอกความเป็นตัวเองมากที่สุด ในแนวเปรี้ยวแบบคลาสสิก
Inspiration : VRZO เป็นรายการที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรา ชื่อวีอาร์โซ มีความหมายว่า "พวกเราเยอะ" เป็นรายการทางยูทูบและโทรทัศน์ ออกอากาศทางช่องเวรี่ ทีวี ทรูวิชั่นส์ 85 และยังเป็นแบรนด์เสื้อยืดและผลิตภัณฑ์อื่นๆ เป็นรายการสัมภาษณ์คนดูดี 100 คน ในแต่ละหัวข้อที่วัยรุ่นสนใจ ด้วยคำจำกัดความ “ขอ 3 พยางค์” โดยเปิดตัวครั้งแรกในเดือนธันวาคม พ.ศ.2553 ปัจจุบันมีแฟนเพจทางเฟซบุ๊กกว่า 9 แสนคน
Inspiration : เพราะ “circus” ทำให้นึกถึงความสนุกสนาน ทำให้นึกถึงโดมโชว์กายกรรมที่สนุกตื่นเต้น แล้วเด็กๆ ทุกคนถ้าพูดถึงละครสัตว์ ทุกคนก็จะอยากดูสัตว์แสนรู้ ทั้งช้าง ลิง สิงโต และสัตว์หลากหลายชนิด มาโชว์ไต่เชือก ลอดห่วง ขี่จักรยานล้อเดียว มีนักกายกรรมมาโชว์ต่อตัวโลดโผน แล้วสมัยก่อนละครสัตว์ก็เป็นอะไรที่ฮิตมาก แต่สมัยนี้หาชมได้ยากแล้ว และเมื่อนำองค์ประกอบที่อยู่ในละครสัตว์มาทำเป็นตุ๊กตา หรือของตกแต่ง ก็ทำให้ดูเก๋ และดูมีสีสัน ดูแล้วรู้สึกสนุกกับสีสันที่สดใส และวันเด็กค่ะ
แล้วพวกคุณล่ะ พูดถึงวันคริสต์มาสแล้วนึกถึงอะไร...
ขอขอบคุณ:m.thairath.co.th/content/life/306658 ลงวันที่ 24-11-2012 By CreditOnHand
ไฮไลต์ของกิจกรรมเปิดงาน CPN Exclusive Journey of Happiness ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดของซีพีเอ็น เปิดงานร่วมด้วยเหล่าเซเลบริตี้ดัง ประกอบด้วย แทม ศันสนา จิราธิวัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เล็ก- ณพาภรณ์ ณรงค์เดช, ปลื้ม - สุรบถ หลีกภัย ควงคู่มากับ ทับทิม - มัลลิกา จงวัฒนา และ แคท-ร.อ.หญิงวันทิตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ สร้างสีสัน พร้อมโชว์ไอเดียเก๋ตกแต่งต้นคริสต์มาสแห่งความสุขเพื่อนำไปมอบให้กับน้องๆ มูลนิธิต่างๆ
นอกจากนี้ภายในงานคริสต์มาส เรายังรวมแรงบันดาลใจด้านต่างๆ ของเหล่าคนดังมาอีกด้วย
Owner : ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)
Inspiration : จากความชอบกีฬามาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ทำให้นึกถึงบรรยากาศไปชมฟุตบอลคู่แรกในชีวิตที่อังกฤษ ที่นำไปสู่การเดินทางไปยุโรปนับครั้งไม่ถ้วน เพื่อไปซึมซับบรรยากาศการแข่งขัน ทุกๆ ปี และเป็นแฟนตัวยงของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมทั้งมีของสะสมเป็นเสื้อ รวมเกือบ 1,000 ตัว
Owner : แทม-ศันสนา จิราธิวัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)
Inspiration : ด้วยความที่ชอบช็อปปิ้ง ชอบศึกษาเทรนด์แฟชั่นอยู่แล้ว ทำให้รู้สึกว่ามีอะไรที่ปรับเปลี่ยนตลอดเวลา เลยทำให้เรารู้สึกสนุก และชื่นชอบค้นหาอะไรใหม่ๆ เสมอ พอได้มาทำงานเกี่ยวกับด้านแฟชั่นด้วยยิ่งถูกใจ ต้นคริสต์มาสต้นนี้ก็เหมือนกับแรงบันดาลใจที่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสุขที่มีเราสามารถสร้าง และตกแต่งตามความชอบ ที่ต้องค้นหา และตามเทรนด์เหมือนแฟชั่น
Inspiration : ส่วนตัวแล้วจะเป็นคนชอบแต่งตัว นำเสื้อผ้ามา mix & match โดยเฉพาะหนัง ที่ให้ความรู้สึกคลาสสิก ไม่ได้ตามแฟชั่นมาก แต่เป็นสไตล์ที่บ่งบอกความเป็นตัวเองมากที่สุด ในแนวเปรี้ยวแบบคลาสสิก
Inspiration : VRZO เป็นรายการที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรา ชื่อวีอาร์โซ มีความหมายว่า "พวกเราเยอะ" เป็นรายการทางยูทูบและโทรทัศน์ ออกอากาศทางช่องเวรี่ ทีวี ทรูวิชั่นส์ 85 และยังเป็นแบรนด์เสื้อยืดและผลิตภัณฑ์อื่นๆ เป็นรายการสัมภาษณ์คนดูดี 100 คน ในแต่ละหัวข้อที่วัยรุ่นสนใจ ด้วยคำจำกัดความ “ขอ 3 พยางค์” โดยเปิดตัวครั้งแรกในเดือนธันวาคม พ.ศ.2553 ปัจจุบันมีแฟนเพจทางเฟซบุ๊กกว่า 9 แสนคน
Inspiration : เพราะ “circus” ทำให้นึกถึงความสนุกสนาน ทำให้นึกถึงโดมโชว์กายกรรมที่สนุกตื่นเต้น แล้วเด็กๆ ทุกคนถ้าพูดถึงละครสัตว์ ทุกคนก็จะอยากดูสัตว์แสนรู้ ทั้งช้าง ลิง สิงโต และสัตว์หลากหลายชนิด มาโชว์ไต่เชือก ลอดห่วง ขี่จักรยานล้อเดียว มีนักกายกรรมมาโชว์ต่อตัวโลดโผน แล้วสมัยก่อนละครสัตว์ก็เป็นอะไรที่ฮิตมาก แต่สมัยนี้หาชมได้ยากแล้ว และเมื่อนำองค์ประกอบที่อยู่ในละครสัตว์มาทำเป็นตุ๊กตา หรือของตกแต่ง ก็ทำให้ดูเก๋ และดูมีสีสัน ดูแล้วรู้สึกสนุกกับสีสันที่สดใส และวันเด็กค่ะ
แล้วพวกคุณล่ะ พูดถึงวันคริสต์มาสแล้วนึกถึงอะไร...
ขอขอบคุณ:m.thairath.co.th/content/life/306658 ลงวันที่ 24-11-2012 By CreditOnHand
3G
ซิตี้ แบงก์จับมือการบินไทย เปิดบัตรบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ รอยัล ออร์คิด พลัส พรีเฟอร์ รุกกลุ่มไฮเอนด์ โดยเฉพาะกลุ่มนักเดินทาง-ท่องเที่ยวที่มีค่าใช้จ่ายผ่านบัตรไม่ต่ำกว่าล้านต่อปี คาดช่วงแรกมียอด 5 พันบัตร และฐานบัตร ณ สิ้นปีแตะ 1.2 ล้านใบ เผยแผนปีหน้าเน้นพัฒนาไอทีรับ 3G
นายธีรวัฒน์ ดรีรัตน์ดิลกกุล ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจบัตรเครดิต ธนาคารซิตี้แบงก์ เปิดเผยว่า ซิตี้ แบงก์ ร่วมกับบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน)(THAI) เปิดตัว “บัตรเครดิตซิตี้แบงก์ รอยัล ออร์คิด พลัส พรีเฟอร์” ภายใต้แนวคิด “สัมผัสที่สุดของการเดินทาง ในทุกเส้นทางของคุณ” เพื่อผู้ใช้บริการของสายการบินไทยสามารถเลื่อนสถานภาพบัตรทองรอยัล ออร์คิด พลัส ได้เร็วที่สุด โดยคาดว่ายอดใชัจ่ายผ่านบัตรประมาณ 1.5-2 ล้านบาทต่อบัตรต่อปี โดยเฉพาะในช่วงปลายปีนี้ที่เป็นฤดูกาลแห่งการท่องเที่ยว
“เราเห็นว่าช่องว่างระหว่างบัตร Platinum Select กับ Ultimate มีอยู่ค่อนข้างมาก โดยบัตร Platinum Select จะมียอดใช้จ่าย 5 หมื่นบาทต่อเดือนต่อใบ ขณะที่ Ultimate มียอดใช้จ่าย 4 แสนบาทต่อเดือนต่อใบ ดังนั้น บัตรที่เปิดตัวนี้จะเติมเต็มช่องว่างตรงนี้ ซึ่้งจะเป็นบัตรที่มียอดใช้จ่าย 1 แสนบาทต่อเดือนต่อใบ หรือไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทต่อปี”
ทั้งนี้ ผู้ถือบัตร รอยัล ออร์คิด พลัส พรีเฟอร์ จะได้รับสิทธิพิเศษ เช่น รับ 1 ไมล์สะสม สำหรับทุกยอดใช้จ่ายที่ 20 บาท ไมล์สะสมที่ไม่มีวันหมดอายุ รับโบนัส 20,000 คะแนน เมื่อใช้จ่ายครบ 1 ล้านบาท ภายในรอบปี รวมถึงบริการลิมูซีนจากบัานถึงสนามบิน 2 ครั้ง/ปี เป็นต้น โดยในช่วงเริ่มต้นตั้งเป้าจำนวนไว้ที่ 5 พันราย และผู้ที่ได้รับเชิญให้ใช้บัตรดังกล่าวจะเป็นผู้ที่มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะมีทั้งผู้ใช้บริการบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ และการบินไทย
สำหรับปัจจุบัน ธนาคารซิตี้แบงก์มีผู้ถือบัตรเครดิตรวมมากกว่า 1 ล้านบัตร และมีจำนวนบัตรที่มีการใช้จ่ายต่อเนื่องเกิน 90% โดยมียอดใช้จ่าย 1 หมื่นล้านบาทต่อเดือน และคาดว่า ณ สิ้นปีนี้จะมีฐานบัตรไม่ต่ำกว่า 1.2 ล้านบัตร ซึ่งในช่วง 9 เดือนที่่ผ่านมาถือว่าอัตราการเติบโตของบัตรเครดิตซิตี้แบงก์อยู่ในระดับที่น่าพอใจสูงกว่าระบบโดยรวม ทั้งในส่วนของยอดบัตร และยอดใช้จ่ายผ่านบัตร
นายธีรวัฒน์กล่าวอีกว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจในปีหน้า ธนาคารจะเน้นในเรื่องของเทคโนโลยี ทั้งในส่วนของสมาร์ท โฟน และระบบออนไลน์ เพื่อรองรับระบบ 3G ที่เริ่มเปิดใช้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการทำแผนงาน
“ในปีหน้า เราคงไม่เน้นเรื่องจำนวนมากนัก แต่จะเน้นการตอบโจทย์ให้แก่ผู้ถือบัตรมากกว่า เพื่อให้ผู้ถือบัตรมียอดใช้จ่าย และคุ้มค่ากับค่าธรรมเนียมที่เสียไป ซึ่งผู้ถือบัตรส่วนใหญ่ของซิตี้แบงก์ 70-80%จ่ายเต็มจำนวน เราจึงเน้นที่รายได้ค่าธรรมเนียมมากกว่ารายได้ดอกเบี้ย โดยเชื่อว่าหากมีสิทธิประโยชน์ที่ดี ลูกค้าไม่คำนึงถึงค่าธรรมเนียมที่เสียไป”
ขอขอบคุณข้อมูล:manager.co.th ลงวันที่ 20-10-2012 By CreditOnHand
นายธีรวัฒน์ ดรีรัตน์ดิลกกุล ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจบัตรเครดิต ธนาคารซิตี้แบงก์ เปิดเผยว่า ซิตี้ แบงก์ ร่วมกับบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน)(THAI) เปิดตัว “บัตรเครดิตซิตี้แบงก์ รอยัล ออร์คิด พลัส พรีเฟอร์” ภายใต้แนวคิด “สัมผัสที่สุดของการเดินทาง ในทุกเส้นทางของคุณ” เพื่อผู้ใช้บริการของสายการบินไทยสามารถเลื่อนสถานภาพบัตรทองรอยัล ออร์คิด พลัส ได้เร็วที่สุด โดยคาดว่ายอดใชัจ่ายผ่านบัตรประมาณ 1.5-2 ล้านบาทต่อบัตรต่อปี โดยเฉพาะในช่วงปลายปีนี้ที่เป็นฤดูกาลแห่งการท่องเที่ยว
“เราเห็นว่าช่องว่างระหว่างบัตร Platinum Select กับ Ultimate มีอยู่ค่อนข้างมาก โดยบัตร Platinum Select จะมียอดใช้จ่าย 5 หมื่นบาทต่อเดือนต่อใบ ขณะที่ Ultimate มียอดใช้จ่าย 4 แสนบาทต่อเดือนต่อใบ ดังนั้น บัตรที่เปิดตัวนี้จะเติมเต็มช่องว่างตรงนี้ ซึ่้งจะเป็นบัตรที่มียอดใช้จ่าย 1 แสนบาทต่อเดือนต่อใบ หรือไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทต่อปี”
ทั้งนี้ ผู้ถือบัตร รอยัล ออร์คิด พลัส พรีเฟอร์ จะได้รับสิทธิพิเศษ เช่น รับ 1 ไมล์สะสม สำหรับทุกยอดใช้จ่ายที่ 20 บาท ไมล์สะสมที่ไม่มีวันหมดอายุ รับโบนัส 20,000 คะแนน เมื่อใช้จ่ายครบ 1 ล้านบาท ภายในรอบปี รวมถึงบริการลิมูซีนจากบัานถึงสนามบิน 2 ครั้ง/ปี เป็นต้น โดยในช่วงเริ่มต้นตั้งเป้าจำนวนไว้ที่ 5 พันราย และผู้ที่ได้รับเชิญให้ใช้บัตรดังกล่าวจะเป็นผู้ที่มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะมีทั้งผู้ใช้บริการบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ และการบินไทย
สำหรับปัจจุบัน ธนาคารซิตี้แบงก์มีผู้ถือบัตรเครดิตรวมมากกว่า 1 ล้านบัตร และมีจำนวนบัตรที่มีการใช้จ่ายต่อเนื่องเกิน 90% โดยมียอดใช้จ่าย 1 หมื่นล้านบาทต่อเดือน และคาดว่า ณ สิ้นปีนี้จะมีฐานบัตรไม่ต่ำกว่า 1.2 ล้านบัตร ซึ่งในช่วง 9 เดือนที่่ผ่านมาถือว่าอัตราการเติบโตของบัตรเครดิตซิตี้แบงก์อยู่ในระดับที่น่าพอใจสูงกว่าระบบโดยรวม ทั้งในส่วนของยอดบัตร และยอดใช้จ่ายผ่านบัตร
นายธีรวัฒน์กล่าวอีกว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจในปีหน้า ธนาคารจะเน้นในเรื่องของเทคโนโลยี ทั้งในส่วนของสมาร์ท โฟน และระบบออนไลน์ เพื่อรองรับระบบ 3G ที่เริ่มเปิดใช้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการทำแผนงาน
“ในปีหน้า เราคงไม่เน้นเรื่องจำนวนมากนัก แต่จะเน้นการตอบโจทย์ให้แก่ผู้ถือบัตรมากกว่า เพื่อให้ผู้ถือบัตรมียอดใช้จ่าย และคุ้มค่ากับค่าธรรมเนียมที่เสียไป ซึ่งผู้ถือบัตรส่วนใหญ่ของซิตี้แบงก์ 70-80%จ่ายเต็มจำนวน เราจึงเน้นที่รายได้ค่าธรรมเนียมมากกว่ารายได้ดอกเบี้ย โดยเชื่อว่าหากมีสิทธิประโยชน์ที่ดี ลูกค้าไม่คำนึงถึงค่าธรรมเนียมที่เสียไป”
ขอขอบคุณข้อมูล:manager.co.th ลงวันที่ 20-10-2012 By CreditOnHand
นกแอร์จับมือกสิกรไทย
สายการบินนกแอร์ร่วมกับ ธนาคารกสิกรไทย เปิดตัวบริการใหม่ครั้งแรกในประเทศไทยกับ “Nok X จองสะดวก บินสบาย ด้วย K-Merchant on Mobile” บริการรูปแบบใหม่ด้วยเครื่องรูดบัตรบนสมาร์ทโฟน ที่เปลี่ยนสมาร์ทโฟนให้กลายเป็นจุดชำระเงิน ด้วยช่องทางการชำระเงินผ่าน mPOS และแอพพลิเคชั่นของนกแอร์ บนสมาร์ทโฟนให้กับผู้ถือบัตรเครดิตทุกประเภท ด้วยวิธีชำระเงินผ่านบัตรเครดิตที่สามารถจองตั๋วได้ทุกที่ทุกเวลา ผ่านระแบบ mPOS ของสายการบินนกแอร์และธนาคารกสิกรไทย
mPOS (Mobile Point-of-Sale) เป็นอุปกรณ์ที่จะเปลี่ยนมือถือให้เป็นเครื่องชำระเงินด้วยบัตรรูปแบบใหม่ โดยจะนำ mPOS ใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตที่รองรับการใช้งาน ในการรูดบัตรเครดิต Visa / MasterCard ทุกธนาคาร เพื่อชำระค่าบริการ/สินค้า ซึ่งเมื่อทำรายการรูดบัตรแล้ว ผู้ถือบัตรต้องลงลายมือชื่อบนหน้าจอมือถือพร้อมใส่อีเมล์ หรือหมายเลขโทรศัพท์มือถือ เพื่อธนาคารจะส่งหลักฐานการใช้บัตรให้ลูกค้าผู้ถือบัตร แทนการพิมพ์สลิปในปัจจุบัน นับเป็นนวัตกรรมการจ่ายเงินที่ทันสมัย ซึ่งจะใช้งานอย่างแพร่หลายต่อไปในอนาคต
กฤษฎา ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้นำนวัตกรรมทางการเงิน ซึ่งมุ่งเน้นการตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมทางการเงินอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง mPOS เป็น New Innovation ในประเทศไทย ที่เปลี่ยนสมาร์ทโฟนให้เป็นช่องทางการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต/บัตรเดบิตผ่าน เครื่องรูดบัตร โดยบริการ K-Merchant on Mobile ของธนาคารกสิกรไทยมีความปลอดภัยสูงและป้องกันข้อมูลตั้งแต่การรูดบัตรจนถึง การส่งสำเนาสลิปให้กับลูกค้า โดยเข้ารหัส (Encryption) แล้วส่งไปปลายทางก็ต้องถอดรหัส (Decryption) และทำ data masking กับข้อมูลบัตรเครดิต ตามมาตรฐาน PCI - DSS (Payment Card Industry Data Security Standard) เป็นมาตรฐานความปลอดภัยสารสนเทศที่แพร่หลายทั่วโลก ซึ่งตัวอุปกรณ์ mPOs และ Application ได้ผ่านการรับรอง (Certified by Visa) จาก Visa และ MasterCard 2 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการบัตรเครดิต จึงมั่นใจได้ว่าผู้ถือบัตรเครดิตที่ใช้บริการนี้สามรถใช้บริการ K-Merchant on Mobile ได้อย่างไร้กังวล
ด้านพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกแอร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สายการบินนกแอร์ มีนโยบายที่จะเพิ่มช่องทางการจองตั๋วที่สะดวกสบายให้กับลูกค้าของนกแอร์ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้มีการเพิ่มเซอร์วิสใหม่ๆ ให้ลูกค้าอัพเกรดชีวิตที่รวดเร็วขึ้น โดยในปีนี้ทางนกแอร์ได้ร่วมกับธนาคารกสิกรไทย เปิดบริการใหม่ “Nok X ที่มาจากคำว่า Nok Xpress จองสะดวก บินสบาย ด้วย K-Merchant on Mobile” นับได้ว่านกแอร์เป็นสายการบินแรกที่ใช้เทคโนโลยี mPOS นี้ ในการชำระเงินตั๋วโดยสาร ซึ่งทางนกแอร์เชื่อมั่นว่า mPOS จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะเพิ่มความสะดวกสบายของลูกค้าสายการบินนกแอร์ ได้ยิ้มกันมากขึ้นกว่าเดิม
ทั้งนี้บริการ “Nok X จองสะดวก บินสบาย ด้วย K-Merchant on Mobile” สามารถใช้ได้กับบัตรเครดิตของทุกธนาคารทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม นี้เป็นต้นไป
ขอขอบคุณข้อมูล:manager.co.th ลงวันที่ 09-10-2012 by creditonhand
mPOS (Mobile Point-of-Sale) เป็นอุปกรณ์ที่จะเปลี่ยนมือถือให้เป็นเครื่องชำระเงินด้วยบัตรรูปแบบใหม่ โดยจะนำ mPOS ใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตที่รองรับการใช้งาน ในการรูดบัตรเครดิต Visa / MasterCard ทุกธนาคาร เพื่อชำระค่าบริการ/สินค้า ซึ่งเมื่อทำรายการรูดบัตรแล้ว ผู้ถือบัตรต้องลงลายมือชื่อบนหน้าจอมือถือพร้อมใส่อีเมล์ หรือหมายเลขโทรศัพท์มือถือ เพื่อธนาคารจะส่งหลักฐานการใช้บัตรให้ลูกค้าผู้ถือบัตร แทนการพิมพ์สลิปในปัจจุบัน นับเป็นนวัตกรรมการจ่ายเงินที่ทันสมัย ซึ่งจะใช้งานอย่างแพร่หลายต่อไปในอนาคต
กฤษฎา ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้นำนวัตกรรมทางการเงิน ซึ่งมุ่งเน้นการตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมทางการเงินอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง mPOS เป็น New Innovation ในประเทศไทย ที่เปลี่ยนสมาร์ทโฟนให้เป็นช่องทางการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต/บัตรเดบิตผ่าน เครื่องรูดบัตร โดยบริการ K-Merchant on Mobile ของธนาคารกสิกรไทยมีความปลอดภัยสูงและป้องกันข้อมูลตั้งแต่การรูดบัตรจนถึง การส่งสำเนาสลิปให้กับลูกค้า โดยเข้ารหัส (Encryption) แล้วส่งไปปลายทางก็ต้องถอดรหัส (Decryption) และทำ data masking กับข้อมูลบัตรเครดิต ตามมาตรฐาน PCI - DSS (Payment Card Industry Data Security Standard) เป็นมาตรฐานความปลอดภัยสารสนเทศที่แพร่หลายทั่วโลก ซึ่งตัวอุปกรณ์ mPOs และ Application ได้ผ่านการรับรอง (Certified by Visa) จาก Visa และ MasterCard 2 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการบัตรเครดิต จึงมั่นใจได้ว่าผู้ถือบัตรเครดิตที่ใช้บริการนี้สามรถใช้บริการ K-Merchant on Mobile ได้อย่างไร้กังวล
ด้านพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกแอร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สายการบินนกแอร์ มีนโยบายที่จะเพิ่มช่องทางการจองตั๋วที่สะดวกสบายให้กับลูกค้าของนกแอร์ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้มีการเพิ่มเซอร์วิสใหม่ๆ ให้ลูกค้าอัพเกรดชีวิตที่รวดเร็วขึ้น โดยในปีนี้ทางนกแอร์ได้ร่วมกับธนาคารกสิกรไทย เปิดบริการใหม่ “Nok X ที่มาจากคำว่า Nok Xpress จองสะดวก บินสบาย ด้วย K-Merchant on Mobile” นับได้ว่านกแอร์เป็นสายการบินแรกที่ใช้เทคโนโลยี mPOS นี้ ในการชำระเงินตั๋วโดยสาร ซึ่งทางนกแอร์เชื่อมั่นว่า mPOS จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะเพิ่มความสะดวกสบายของลูกค้าสายการบินนกแอร์ ได้ยิ้มกันมากขึ้นกว่าเดิม
ทั้งนี้บริการ “Nok X จองสะดวก บินสบาย ด้วย K-Merchant on Mobile” สามารถใช้ได้กับบัตรเครดิตของทุกธนาคารทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม นี้เป็นต้นไป
ขอขอบคุณข้อมูล:manager.co.th ลงวันที่ 09-10-2012 by creditonhand
บัตรเครดิตไทยพานิชย์
บัตร เครดิตไทยพาณิชย์อำนวยความสะดวกให้ลูกค้ามากกว่าใครด้วยบริการเติมเงินค่า ผ่านทางพิเศษอัตโนมัติ (Easy PassAuto-Top Up) ผ่านบัตรเครดิตวีซ่าไทยพาณิชย์ สะดวกสบาย คลายกังวลเรื่องยอดเงินคงเหลือในบัตร พร้อมรับสิทธิพิเศษมากถึง 2 ต่อ ต่อที่ 1 รับคะแนนสะสม 1,000คะแนน และต่อที่ 2ฟรีค่าธรรมเนียมการเติมเงิน เมื่อเติมเงินและเติมน้ำมันผ่านบัตรในเดือนเดียวกันพร้อมร่วมลุ้นเติมเงิน ฟรีกับวีซ่ามูลค่า 2,500 บาท สำหรับ 100คนแรกที่มียอดการเติมเงินมากที่สุด ผู้สนใจสามารถสมัครใช้บริการโดยดาวน์โหลดใบสมัครได้ ที่www.scbcreditcard.com เริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้ -31 ธันวาคม 2555
ขอขอบคุณข้อมูล: prachachat.net ลงวันที่ 29-09-2012 By Creditonhand
ขอขอบคุณข้อมูล: prachachat.net ลงวันที่ 29-09-2012 By Creditonhand
กสิกรไทยชูผู้นำบัตรเครดิตไทย
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยถึงนโยบายการทำธุรกิจบัตรเครดิตว่า ธนาคารตั้งเป้าหมายขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในตลาดบัตรเครดิตในระยะยาว ซึ่งคาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดไม่น้อยกว่า 25% ทั้งในแง่ส่วนยอดใช้จ่ายผ่านบัตรและจำนวนบัตร เพื่อรักษาความเป็นผู้นำไว้อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายปริมาณยอดใช้จ่ายผ่านบัตรประมาณ 2.05 แสนล้านบาท เติบโต 36% สูงกว่าทั้งตลาดที่คาดว่าจะมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรประมาณ 9.36 แสนล้านบาท เติบโต 16% ขณะที่จำนวนบัตรที่ปีนี้คาดว่าจะมียอดทั้งสิ้น 2.5 ล้านใบ โดยมีลูกค้าใหม่เพิ่มเข้ามากว่า 7 แสนใบ ซึ่งปรับคาดการณ์เพิ่มจากเป้าหมายเดิมที่ตั้งเป้าไว้เพียง 5 แสนใบนั้น
นาย ชาติชายกล่าวอีกว่า ในปีนี้ธนาคารตั้งเป้างบประมาณสำหรับส่งเสริมการตลาดบัตรเครดิตกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งนอกจากจะทำให้ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรสูงขึ้นและมีรายได้จากดอกเบี้ยเพิ่ม ขึ้นแล้ว ในแง่รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจบัตรเครดิตก็สูงกว่าเป้าหมาย 20% อีกด้วย เพราะธนาคารยังมีธุรกิจบริการเครื่องรับบัตรเครดิตที่ขยายตัวพร้อมกันไปด้วย ซึ่งส่วนนี้ธนาคารก็มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ที่ 32% เช่นกัน
"กลยุทธ์ ของเราต้องการให้มีแคมเปญต่าง ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพราะเรามองในแง่การสร้างรายได้อย่างครบกระบวนการ และตั้งเป้าหมายการขยายตัวไว้ค่อนข้างสูง ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ทำได้สูงกว่าภาพรวมของตลาดมาตลอด"
ล่าสุด ธนาคารยังได้เปิดตัวบัตรแบบใหม่ พร้อมกับแคมเปญ "พิเศษเสมอทั่วโลก กิน บิน เที่ยว เหนือระดับ รับเงินคืน 15%" ซึ่งมอบสิทธิพิเศษให้แก่สมาชิกบัตรที่ใช้จ่ายผ่านบัตรร่วมกับคะแนนสะสมใน จำนวนเดียวกัน สำหรับร้านค้าในหมวดร้านอาหาร โรงแรม และสายการบินทั่วโลก ก็จะได้รับเงินคืนเข้าบัญชี 15%
แคมเปญดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นยอดใช้ จ่ายไปจนถึงปลายปี ซึ่งเป็นฤดูการใช้จ่ายของผู้บริโภค ควบคู่กับแคมเปญ "ศุกร์ สุข สุด ๆ" ที่ให้ลูกค้าช็อปปิ้งใน 3 ห้างสรรพสินค้าชั้นนำด้วยสิทธิพิเศษ ช็อป 1,000 บาท คืน 1,000 บาท และจะขยายแคมเปญนี้ไปยังต่างจังหวัด ขณะเดียวกัน ธนาคารยังมีแผนจะออกแคมเปญมาเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่งเพื่อกระตุ้นตลาดในด้าน ช็อปปิ้งโดยเฉพาะ สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้จ่ายช่วงโค้งท้ายปี
ขอขอบคุณข้อมูล: prachachat.net ลงวันที่ 22-09-2012 by creditonhand
นาย ชาติชายกล่าวอีกว่า ในปีนี้ธนาคารตั้งเป้างบประมาณสำหรับส่งเสริมการตลาดบัตรเครดิตกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งนอกจากจะทำให้ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรสูงขึ้นและมีรายได้จากดอกเบี้ยเพิ่ม ขึ้นแล้ว ในแง่รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจบัตรเครดิตก็สูงกว่าเป้าหมาย 20% อีกด้วย เพราะธนาคารยังมีธุรกิจบริการเครื่องรับบัตรเครดิตที่ขยายตัวพร้อมกันไปด้วย ซึ่งส่วนนี้ธนาคารก็มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ที่ 32% เช่นกัน
"กลยุทธ์ ของเราต้องการให้มีแคมเปญต่าง ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพราะเรามองในแง่การสร้างรายได้อย่างครบกระบวนการ และตั้งเป้าหมายการขยายตัวไว้ค่อนข้างสูง ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ทำได้สูงกว่าภาพรวมของตลาดมาตลอด"
ล่าสุด ธนาคารยังได้เปิดตัวบัตรแบบใหม่ พร้อมกับแคมเปญ "พิเศษเสมอทั่วโลก กิน บิน เที่ยว เหนือระดับ รับเงินคืน 15%" ซึ่งมอบสิทธิพิเศษให้แก่สมาชิกบัตรที่ใช้จ่ายผ่านบัตรร่วมกับคะแนนสะสมใน จำนวนเดียวกัน สำหรับร้านค้าในหมวดร้านอาหาร โรงแรม และสายการบินทั่วโลก ก็จะได้รับเงินคืนเข้าบัญชี 15%
แคมเปญดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นยอดใช้ จ่ายไปจนถึงปลายปี ซึ่งเป็นฤดูการใช้จ่ายของผู้บริโภค ควบคู่กับแคมเปญ "ศุกร์ สุข สุด ๆ" ที่ให้ลูกค้าช็อปปิ้งใน 3 ห้างสรรพสินค้าชั้นนำด้วยสิทธิพิเศษ ช็อป 1,000 บาท คืน 1,000 บาท และจะขยายแคมเปญนี้ไปยังต่างจังหวัด ขณะเดียวกัน ธนาคารยังมีแผนจะออกแคมเปญมาเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่งเพื่อกระตุ้นตลาดในด้าน ช็อปปิ้งโดยเฉพาะ สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้จ่ายช่วงโค้งท้ายปี
ขอขอบคุณข้อมูล: prachachat.net ลงวันที่ 22-09-2012 by creditonhand
เอกซ์เรย์ผลงาน
กระทรวงพลังงาน โชว์ผลการดำเนินงานปี 2555 ตามนโยบายรัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยได้ดูแลราคาพลังงานให้เหมาะสมสอดรับกับภาระค่าครองชีพของประชาชนและออก บัตรเครดิตพลังงาน NGV ยกกำลังสอง ช่วยเหลือรถแท็กซี่ สามล้อ รถตู้ร่วม ขสมก. และวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เผยขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 5 ด้านปูทางสู่ศูนย์กลางธุรกิจพลังงานของภูมิภาค
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานตามนโยบายเร่งด่วน 1 ปีที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จ สามารถดูแลราคาพลังงานให้เหมาะสม เป็นธรรม ลดภาระค่าครองชีพของประชาชนได้ สิ่ง แรกที่ได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน คือ การแก้ไขปัญหาราคาน้ำมัน โดยชะลอการเก็บเงินเข้ากอง ทุนฯชั่วคราว ได้มีการปรับลดเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันของเบนซิน 95,91 และดีเซล ซึ่งเป็นผลให้ราคาน้ำมันเบนซิน 95 ลดลง ลิตรละ 8 บาท เบนซิน 91 ลดลง 7 บาท และดีเซลลดลง 3 บาททันที
การออกบัตรเครดิตพลังงาน NGV สำหรับรถรับจ้างสาธารณะ รถแท็กซี่ รถตู้ รถสองแถว โดยเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2554 มีผู้เข้าร่วมโครงการได้รับส่วนลดมากกว่า 85,000 ใบ และมีผู้ได้รับบัตรเครดิตมากกว่า 22,800 คน นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้เปิด โครงการบัตรเครดิตพลังงานยกกำลัง 2 เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ถือบัตรเครดิตพลังงาน NGV กลุ่มรถแท็กซี่ รถสามล้อ รถตู้ร่วม ขสมก.และวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างด้วย
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชน อันเนื่องมาจากราคาพลังงาน จึงได้แก้ไขปัญหาค่าครองชีพ โดยใช้เงินกองทุนฯบริหารช่วงราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ดูแลราคาพลังงานให้เหมาะสม เป็นธรรม รักษาระดับราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร คงราคาขายปลีก NGV ที่ 10.50 บาท/กิโลกรัม ตรึงราคาขายปลีก LPG ภาคครัวเรือนไปจนถึงสิ้นปี 2555 ทยอยปรับขึ้นราคาขายปลีก LPG ภาคอุตสาหกรรมให้เป็นไปตามต้นทุนโรงกลั่นน้ำมัน โดยกำหนด ราคาขายปลีกไว้ที่ไม่เกิน 30.13 บาท/กิโลกรัม และทยอยปรับขึ้นราคาขายปลีก LPG ภาคขนส่ง
นายอารักษ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ กระทรวงพลังงาน ได้เน้นการดำเนินงานในด้านต่างๆ ที่สำคัญๆ รวม 5 ด้าน ประกอบด้วย 1.ด้านความมั่นคงด้านพลังงาน ได้แก่ การสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงทางยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve : SPR) โดย ครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2555 เห็นชอบในหลักการให้มีการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิง ของประเทศ โดยได้กำหนดเป้าหมายการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงเบื้องต้นไว้ที่ 90 วันจากเดิม 36 วันของความ ต้องการใช้ภายในประเทศ จัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) โดยเฉพาะในส่วนนโยบายด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เพื่อเป็นพื้นฐานรองรับการขยายกำลัง ผลิตไฟฟ้าของประเทศในอีก 20 ปีข้างหน้า โดยนับ เป็นครั้งแรกที่มีการบูรณาการแผนพลังงานต่างๆ เข้าด้วยกัน ประกอบด้วย แผนพัฒนาพลังงานทดแทน และพลังงานทางเลือก (AEDP), แผนอนุรักษ์พลังงาน (EE), แผนบริหารราชการแผ่นดิน,การลดการปล่อย ก๊าซเรือนกระจก ขณะเดียวกันประเทศไทยได้ทำข้อ ตกลงความร่วมมือระหว่างประเทศด้านพลังงานด้วย 2.ด้านพลังงานทดแทน ได้แก่ เป้าหมายและแผนงานรองรับการพัฒนาพลังงานทดแทนของประเทศ, นโยบายส่งเสริมการใช้เอธานอลอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะมาตรการยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันเบนซินออกเทน 91 เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้น้ำมัน แก๊สโซฮอล์ ซึ่งมีส่วนผสมของเอธานอลให้มากยิ่งขึ้น
การใช้กลไกการผลิตเอธานอลเพื่อสร้างเสถียร ภาพราคาให้แก่พืชพลังงาน เช่น การส่งเสริมให้มีการรับซื้อเอธานอลที่ผลิตจากมันสำปะหลัง การบริการไบโอดีเซลและผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม ไม่เกิดภาวะ ขาดแคลน ไม่เคยต้องลดระดับการผสมน้ำมัน ไบโอดีเซล มีการขยายการใช้ประกาศ นโยบายอย่างชัดเจนในการผสมน้ำมันดีเซลเกรด B5 เพียงเกรด เดียวอย่างต่อเนื่อง และยอดการใช้ไบโอดีเซล (B100) เฉลี่ย 2.756 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 50.5% เทียบกับปีที่ผ่านมา
3.ด้านการอนุรักษ์พลังงาน ได้แก่ แผนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยครม.เห็นชอบปรับปรุงแผนอนุรักษ์พลัง งาน 20 ปี (.2554-2573) ซึ่งมีเป้า หมายเพื่อลดการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายในปี 2573 อย่างน้อย 38,200 Ktoe ลดการ ปล่อย CO2 ในปี 2573 ประมาณ 130 ล้านตัน รวมทั้งสามารถประหยัดพลังงานในปี 2573 ได้ 707,700 ล้านบาท บังคับหน่วยราชการทุกแห่งประหยัดพลัง งานลงอย่างน้อยร้อยละ 10% โดยออกเป็นมติครม. ซึ่งคาดว่าจะสามารถลดการใช้ไฟฟ้าลงได้ 316.9 ล้านหน่วย คิดเป็นเงินมูลค่า 950 ล้านบาท ลดการใช้น้ำมัน 19.1 ล้านลิตร คิดเป็นเงิน 669 ล้านบาทรวม ทั้งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นต้น
4.การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยโดยผ่านคูปองเพื่อเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้า ประหยัดพลังงานเบอร์ 5 และการช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพรถรับจ้างสาธารณะ ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรเครดิตพลังงาน
5.การจัดหาปิโตรเลียมและการจัดเก็บผลตอบแทนแก่รัฐ ซึ่งในช่วงปลายเดือนมกราคม 2555 ได้ค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติในแหล่งดงมูล จังหวัดกาฬสินธุ์, รายได้ของรัฐจากการประกอบกิจการปิโตรเลียมรวมทั้งสิ้น 75,503 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นรายได้จัดเก็บเข้าแผ่นดินอันดับ 4 ของประเทศโดย ที่ได้มีการจัดสรรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งสิ้น 4,308 ล้านบาท
นายอารักษ์ กล่าวอีกว่า กระทรวงพลังงานโดยกรมธุรกิจพลังงานกำลัง กำหนดรูปแบบการลงทุน วิเคราะห์และพัฒนา ประสิทธิภาพการลงทุนก่อสร้างท่อขนส่งน้ำมันส่วนต่อขยายจากภาคกลางบริเวณ จังหวัดสระบุรีไปยังภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมคาดว่า จะสำเร็จเป็นรูปธรรมในสิ้นปีงบประมาณ 2555 นี้รวมถึงจะมีแผนปฏิบัติงานที่ชัดเจน ซึ่งเป็นโครงข่ายหลักในการส่งเสริมนโยบายการเป็นศูนย์กลาง Logistics พลังงานภายใต้แนวทางการรวมกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558
“ในปี 2556 กระทรวงพลังงานจะมุ่งเน้นในการจัดหาแหล่งพลังงาน สร้างความมั่นคงให้กับประเทศ และดำเนินงานด้านพลังงานควบคู่ไป กับการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนด้าน พลังงานอย่างเต็มกำลัง เพื่อเป็นการปูทางไปสู่การ เป็นศูนย์กลางธุรกิจพลังงานของภูมิภาคต่อไป” นายอารักษ์กล่าว
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานตามนโยบายเร่งด่วน 1 ปีที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จ สามารถดูแลราคาพลังงานให้เหมาะสม เป็นธรรม ลดภาระค่าครองชีพของประชาชนได้ สิ่ง แรกที่ได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน คือ การแก้ไขปัญหาราคาน้ำมัน โดยชะลอการเก็บเงินเข้ากอง ทุนฯชั่วคราว ได้มีการปรับลดเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันของเบนซิน 95,91 และดีเซล ซึ่งเป็นผลให้ราคาน้ำมันเบนซิน 95 ลดลง ลิตรละ 8 บาท เบนซิน 91 ลดลง 7 บาท และดีเซลลดลง 3 บาททันที
การออกบัตรเครดิตพลังงาน NGV สำหรับรถรับจ้างสาธารณะ รถแท็กซี่ รถตู้ รถสองแถว โดยเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2554 มีผู้เข้าร่วมโครงการได้รับส่วนลดมากกว่า 85,000 ใบ และมีผู้ได้รับบัตรเครดิตมากกว่า 22,800 คน นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้เปิด โครงการบัตรเครดิตพลังงานยกกำลัง 2 เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ถือบัตรเครดิตพลังงาน NGV กลุ่มรถแท็กซี่ รถสามล้อ รถตู้ร่วม ขสมก.และวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างด้วย
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชน อันเนื่องมาจากราคาพลังงาน จึงได้แก้ไขปัญหาค่าครองชีพ โดยใช้เงินกองทุนฯบริหารช่วงราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ดูแลราคาพลังงานให้เหมาะสม เป็นธรรม รักษาระดับราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร คงราคาขายปลีก NGV ที่ 10.50 บาท/กิโลกรัม ตรึงราคาขายปลีก LPG ภาคครัวเรือนไปจนถึงสิ้นปี 2555 ทยอยปรับขึ้นราคาขายปลีก LPG ภาคอุตสาหกรรมให้เป็นไปตามต้นทุนโรงกลั่นน้ำมัน โดยกำหนด ราคาขายปลีกไว้ที่ไม่เกิน 30.13 บาท/กิโลกรัม และทยอยปรับขึ้นราคาขายปลีก LPG ภาคขนส่ง
นายอารักษ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ กระทรวงพลังงาน ได้เน้นการดำเนินงานในด้านต่างๆ ที่สำคัญๆ รวม 5 ด้าน ประกอบด้วย 1.ด้านความมั่นคงด้านพลังงาน ได้แก่ การสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงทางยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve : SPR) โดย ครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2555 เห็นชอบในหลักการให้มีการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิง ของประเทศ โดยได้กำหนดเป้าหมายการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงเบื้องต้นไว้ที่ 90 วันจากเดิม 36 วันของความ ต้องการใช้ภายในประเทศ จัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) โดยเฉพาะในส่วนนโยบายด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เพื่อเป็นพื้นฐานรองรับการขยายกำลัง ผลิตไฟฟ้าของประเทศในอีก 20 ปีข้างหน้า โดยนับ เป็นครั้งแรกที่มีการบูรณาการแผนพลังงานต่างๆ เข้าด้วยกัน ประกอบด้วย แผนพัฒนาพลังงานทดแทน และพลังงานทางเลือก (AEDP), แผนอนุรักษ์พลังงาน (EE), แผนบริหารราชการแผ่นดิน,การลดการปล่อย ก๊าซเรือนกระจก ขณะเดียวกันประเทศไทยได้ทำข้อ ตกลงความร่วมมือระหว่างประเทศด้านพลังงานด้วย 2.ด้านพลังงานทดแทน ได้แก่ เป้าหมายและแผนงานรองรับการพัฒนาพลังงานทดแทนของประเทศ, นโยบายส่งเสริมการใช้เอธานอลอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะมาตรการยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันเบนซินออกเทน 91 เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้น้ำมัน แก๊สโซฮอล์ ซึ่งมีส่วนผสมของเอธานอลให้มากยิ่งขึ้น
การใช้กลไกการผลิตเอธานอลเพื่อสร้างเสถียร ภาพราคาให้แก่พืชพลังงาน เช่น การส่งเสริมให้มีการรับซื้อเอธานอลที่ผลิตจากมันสำปะหลัง การบริการไบโอดีเซลและผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม ไม่เกิดภาวะ ขาดแคลน ไม่เคยต้องลดระดับการผสมน้ำมัน ไบโอดีเซล มีการขยายการใช้ประกาศ นโยบายอย่างชัดเจนในการผสมน้ำมันดีเซลเกรด B5 เพียงเกรด เดียวอย่างต่อเนื่อง และยอดการใช้ไบโอดีเซล (B100) เฉลี่ย 2.756 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 50.5% เทียบกับปีที่ผ่านมา
3.ด้านการอนุรักษ์พลังงาน ได้แก่ แผนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยครม.เห็นชอบปรับปรุงแผนอนุรักษ์พลัง งาน 20 ปี (.2554-2573) ซึ่งมีเป้า หมายเพื่อลดการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายในปี 2573 อย่างน้อย 38,200 Ktoe ลดการ ปล่อย CO2 ในปี 2573 ประมาณ 130 ล้านตัน รวมทั้งสามารถประหยัดพลังงานในปี 2573 ได้ 707,700 ล้านบาท บังคับหน่วยราชการทุกแห่งประหยัดพลัง งานลงอย่างน้อยร้อยละ 10% โดยออกเป็นมติครม. ซึ่งคาดว่าจะสามารถลดการใช้ไฟฟ้าลงได้ 316.9 ล้านหน่วย คิดเป็นเงินมูลค่า 950 ล้านบาท ลดการใช้น้ำมัน 19.1 ล้านลิตร คิดเป็นเงิน 669 ล้านบาทรวม ทั้งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นต้น
4.การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยโดยผ่านคูปองเพื่อเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้า ประหยัดพลังงานเบอร์ 5 และการช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพรถรับจ้างสาธารณะ ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรเครดิตพลังงาน
5.การจัดหาปิโตรเลียมและการจัดเก็บผลตอบแทนแก่รัฐ ซึ่งในช่วงปลายเดือนมกราคม 2555 ได้ค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติในแหล่งดงมูล จังหวัดกาฬสินธุ์, รายได้ของรัฐจากการประกอบกิจการปิโตรเลียมรวมทั้งสิ้น 75,503 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นรายได้จัดเก็บเข้าแผ่นดินอันดับ 4 ของประเทศโดย ที่ได้มีการจัดสรรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งสิ้น 4,308 ล้านบาท
นายอารักษ์ กล่าวอีกว่า กระทรวงพลังงานโดยกรมธุรกิจพลังงานกำลัง กำหนดรูปแบบการลงทุน วิเคราะห์และพัฒนา ประสิทธิภาพการลงทุนก่อสร้างท่อขนส่งน้ำมันส่วนต่อขยายจากภาคกลางบริเวณ จังหวัดสระบุรีไปยังภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมคาดว่า จะสำเร็จเป็นรูปธรรมในสิ้นปีงบประมาณ 2555 นี้รวมถึงจะมีแผนปฏิบัติงานที่ชัดเจน ซึ่งเป็นโครงข่ายหลักในการส่งเสริมนโยบายการเป็นศูนย์กลาง Logistics พลังงานภายใต้แนวทางการรวมกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558
“ในปี 2556 กระทรวงพลังงานจะมุ่งเน้นในการจัดหาแหล่งพลังงาน สร้างความมั่นคงให้กับประเทศ และดำเนินงานด้านพลังงานควบคู่ไป กับการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนด้าน พลังงานอย่างเต็มกำลัง เพื่อเป็นการปูทางไปสู่การ เป็นศูนย์กลางธุรกิจพลังงานของภูมิภาคต่อไป” นายอารักษ์กล่าว
6สิ่งที่ควรทำเมื่อกระเป๋าสตางค์หาย
ถ้าเราเกิดอุบัติเหตุทำกระเป๋าสตางค์หายหรือถูกขโมยมันย่อมเป็นเรื่องที่น่าปวดหัว แต่ถ้าเรารู้วิธีที่จะรับมือมันเอาไว้
มันจะช่วยลดการปวดหัวของคุณได้เยอะ เพราะคุณจะได้รู้ว่าควรที่จะทำอย่างไรเมื่อถึงเหตุการสุดวิสัยแบบนี้
1. ยกเลิกบริการเครดิตการ์ด
เพื่อป้องกันวงเงินที่จะสูญเสียไปถ้าเกิดเหตุการขโมย ซึ่งเป็นการที่ดีมากในการที่จะโทรเข้าไปแจ้งที่ศูนย์ของบัตรเครดิตที่คุณใช้
เพื่อระงับการใช้บริการเป็นอันเดับแรกที่จะรู้ตัวว่ากระเป๋าสตางค์ของคุณขายหรือถูกขโมย
2. แจ้งความ
ถ้าในจุดนี้บัตรเครดิตของคุณถูกนำไปใช้ให้คุณเข้าไปแจ้งความกับตำรวจเอา ไว้ด้วย (แต่จงอย่าลืมที่จะยกเลิกบริการก่อนนะ) เพื่อนำหลักฐานต่างๆ
ไปใช้ในทางคดี และถ้าบัตรอะไรต่างๆที่สำคัญเช่นบัตรประชาชน ฯลฯ หายคุณก็ต้องแจ้งหายเพื่อไปทำบัตรใหม่ด้วย
3. ติดต่อธนาคาร
เพื่อให้ธนาคารของคุณสามารถทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบัญชีของคุณและ ช่วยให้คุณในการปิดบัญชีที่ได้รับผลกระทบ คุณควรตรวจสอบบัญชีธนาคารของคุณ อย่างใกล้ชิดในสัปดาห์และเดือนที่ตาม
เพื่อให้แน่ใจว่าบัญชีของคุณจะไม่ถูกนำมาใช้โดยคุณไม่รู้ตัว นอกจากนี้คุณจะต้องเปลี่ยน PIN ของคุณให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
4. ติดต่อศูนย์ข้อมูลเครดิต
มันเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการติดต่อศูนย์ข้อมูลเครดิตหาก ข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัตรประกันสังคมของคุณอยู่ในกระเป๋าสตางค์ของคุณ
เพราะคุณไม่ต้องการที่จะตกเป็นเหยื่อของการโจรกรรม โจรสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อให้ได้บัตรเครดิตใหม่ในชื่อของคุณได้
5. ทำบัตรที่สำคัญใหม่
ส่วนมากแล้วคนทั่วไปมักจะเก็บบัตรสำคัญไม่ว่าบัตรประชาชน ใบขับขี่ หรืออะไรต่างๆ เอาไว้ในกระเป๋าสตางค์ แล้วถ้ามันหายสิ่งที่จำเป็นอันดับแรกที่ควรทำ
คือการเข้าไปแจ้งความแล้วนำเอกสารที่ได้มาจากสถานีตำรวจเข้าไปที่หน่วยงานเพื่อให้หน่วยงานๆต่างๆออกบัตรใหม่ให้คุณ
6.พยายามนึกและจดบันทึกไว้ว่าอะไรอยู่ในนั้นบ้าง
ลองนึกดูดีๆว่า ในกระเป๋าสตางค์ มีอะไรอยู่บ้าง เช่นบัตรสมาชิกต่างๆ บัตรพนักงาน เพื่อที่จะได้ทำเรื่อง ทำใบใหม่ได้
และสิ่งที่สำคัญที่สุด อย่าตกใจจนตื่นกลัว ค่อยๆจัดการทีละอย่าง
มีทิปส์อีกหน่อย คือถ้าหากมีเวลาว่างแนะนำให้สแกนหรือถ่ายรูปสิ่งสำคัญๆในกระเป๋าสตางค์เก็บ ไว้ที่บ้าน หากเกิดเหตุฉุกเฉิน อาจนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ได้
ขอขอบคุณข้อมูล:sanook.com ลงวันที่ 08-09-2012 by creditonhand
มันจะช่วยลดการปวดหัวของคุณได้เยอะ เพราะคุณจะได้รู้ว่าควรที่จะทำอย่างไรเมื่อถึงเหตุการสุดวิสัยแบบนี้
1. ยกเลิกบริการเครดิตการ์ด
เพื่อป้องกันวงเงินที่จะสูญเสียไปถ้าเกิดเหตุการขโมย ซึ่งเป็นการที่ดีมากในการที่จะโทรเข้าไปแจ้งที่ศูนย์ของบัตรเครดิตที่คุณใช้
เพื่อระงับการใช้บริการเป็นอันเดับแรกที่จะรู้ตัวว่ากระเป๋าสตางค์ของคุณขายหรือถูกขโมย
2. แจ้งความ
ถ้าในจุดนี้บัตรเครดิตของคุณถูกนำไปใช้ให้คุณเข้าไปแจ้งความกับตำรวจเอา ไว้ด้วย (แต่จงอย่าลืมที่จะยกเลิกบริการก่อนนะ) เพื่อนำหลักฐานต่างๆ
ไปใช้ในทางคดี และถ้าบัตรอะไรต่างๆที่สำคัญเช่นบัตรประชาชน ฯลฯ หายคุณก็ต้องแจ้งหายเพื่อไปทำบัตรใหม่ด้วย
3. ติดต่อธนาคาร
เพื่อให้ธนาคารของคุณสามารถทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบัญชีของคุณและ ช่วยให้คุณในการปิดบัญชีที่ได้รับผลกระทบ คุณควรตรวจสอบบัญชีธนาคารของคุณ อย่างใกล้ชิดในสัปดาห์และเดือนที่ตาม
เพื่อให้แน่ใจว่าบัญชีของคุณจะไม่ถูกนำมาใช้โดยคุณไม่รู้ตัว นอกจากนี้คุณจะต้องเปลี่ยน PIN ของคุณให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
4. ติดต่อศูนย์ข้อมูลเครดิต
มันเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการติดต่อศูนย์ข้อมูลเครดิตหาก ข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัตรประกันสังคมของคุณอยู่ในกระเป๋าสตางค์ของคุณ
เพราะคุณไม่ต้องการที่จะตกเป็นเหยื่อของการโจรกรรม โจรสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อให้ได้บัตรเครดิตใหม่ในชื่อของคุณได้
5. ทำบัตรที่สำคัญใหม่
ส่วนมากแล้วคนทั่วไปมักจะเก็บบัตรสำคัญไม่ว่าบัตรประชาชน ใบขับขี่ หรืออะไรต่างๆ เอาไว้ในกระเป๋าสตางค์ แล้วถ้ามันหายสิ่งที่จำเป็นอันดับแรกที่ควรทำ
คือการเข้าไปแจ้งความแล้วนำเอกสารที่ได้มาจากสถานีตำรวจเข้าไปที่หน่วยงานเพื่อให้หน่วยงานๆต่างๆออกบัตรใหม่ให้คุณ
6.พยายามนึกและจดบันทึกไว้ว่าอะไรอยู่ในนั้นบ้าง
ลองนึกดูดีๆว่า ในกระเป๋าสตางค์ มีอะไรอยู่บ้าง เช่นบัตรสมาชิกต่างๆ บัตรพนักงาน เพื่อที่จะได้ทำเรื่อง ทำใบใหม่ได้
และสิ่งที่สำคัญที่สุด อย่าตกใจจนตื่นกลัว ค่อยๆจัดการทีละอย่าง
มีทิปส์อีกหน่อย คือถ้าหากมีเวลาว่างแนะนำให้สแกนหรือถ่ายรูปสิ่งสำคัญๆในกระเป๋าสตางค์เก็บ ไว้ที่บ้าน หากเกิดเหตุฉุกเฉิน อาจนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ได้
ขอขอบคุณข้อมูล:sanook.com ลงวันที่ 08-09-2012 by creditonhand
เซเลนเว่น อีเลเวนเล็งผุดเครือข่ายจ่ายเงินด้วยมือถือ
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น บริการ Google Wallet ซึ่งเปิดทดสอบบริการตั้งแต่ปีที่แล้ว กำลังจะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นอีก ทิศทางตลาดโมบายล์เพย์เมนต์ที่จะขยายตัวแน่นอนในอนาคตทำให้ผู้ค้าปลีกระดับ โลกตื่นตัว เพื่อปรับให้ระบบรับชำระเงินบนหน้าร้านนั้นสามารถเพิ่มช่องทางหลากหลายได้ มากกว่าการใช้เงินสด บัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต โดยใช้ชิปในสมาร์ทโฟนเป็นกระเป๋าเงินดิจิตอล ทำให้ผู้ใช้สามารถจ่ายเงินได้สะดวกสบายและไม่ต้องพกพาการ์ดมากมายในกระเป๋า ใบหนาอีกต่อไป
จุดนี้การสำรวจพบว่า ผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนและมีบัญชีธนาคารราว 11% มีแนวโน้มที่จะใช้งานบริการโมบายเพย์เมนต์ในปี 2013 ที่จะถึงนี้
นอกจากกูเกิลวอลเล็ต กลุ่มโอเปอเรเตอร์ระดับโลกก็มีการรวมตัวเพื่อให้บริการกระเป๋าเงินดิจิตอลลักษณะเดียวกัน โดยรวมตัวกันในชื่อบริการไอซิส ซึ่งประกอบด้วยเอทีแอนด์ที, ดอยซ์เทเลคอม, ทีโมบายล์ยูเอสเอ เวอร์ไรซอน และโวดาโฟน ซึ่งจะเริ่มเปิดทดสอบบริการภายในฤดูร้อนปีนี้ ที่เมืองซอลท์เลคซิตี้ และออสติน ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา
อีกสัญญาณตื่นตัวเรื่องธุรกิจโมบายล์เพย์เมนต์ คือแบรนด์กาแฟยักษ์ใหญ่อย่างสตาร์บัคที่เพิ่งประกาศตัวสนับสนุนธุรกิจโม บายล์เพย์เมนต์เช่นกัน โดยจะเริ่มนำระบบชำระเงินดิจิตอลของบริษัท สแควร์ (Square) มาใช้ในร้านกาแฟของสตาร์บัคมากกว่า 7,000 แห่งในสหรัฐฯ พร้อมกับเทเงินลงทุนราว 25 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีโมบายล์เพย์เมนต์ของสแควร์ใน ระยะยาว
สแควร์นั้นเป็นบริษัทผลิตแอปพลิเคชันชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือซึ่งก่อตั้ง ในปี 2009 โดยแจ็ค ดอร์ซีย์ ผู้สร้างบริการชื่อก้องโลกอย่างทวิตเตอร์ ซึ่งที่ผ่านมา สแควร์ทำให้ร้านค้าขนาดเล็กสามารถซื้อระบบที่เปลี่ยนสมาร์ทโฟนของร้านเป็น ระบบรูดบัตรเครดิตในราคาประหยัด โดยจำหน่ายอุปกรณ์อ่านข้อมูลบัตรเครดิตขนาดจิ๋วพร้อมกับแอปพลิเคชันซึ่งร้าน ค้าสามารถติดตั้งในสมาร์ทโฟนที่มีอยู่
สำหรับบริการกูเกิลวอลเล็ต ความคืบหน้าล่าสุดของกูเกิลคือการพยายามเสริมแกร่งบริการเพื่อเตรียมพร้อม ให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือได้ร่วมทดลองใช้งานให้มากที่สุด โดยเพิ่มคุณสมบัติให้รองรับผู้ใช้บัตรเครดิตและเดบิตของทั้งตระกูลวีซ่า มาสเตอร์การ์ด อเมริกันเอ็กซ์เพรส และดิสคัฟเวอร์ ซึ่งเรียกว่าครอบคลุมบัตรเดบิตและบัตรเครดิตหลักทุกแบรนด์ในสหรัฐฯแล้ว
ที่มา : http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrview.aspx?NewsID=9550000100761
ลงวันที่ 18-08-2012 by creditonhand
จุดนี้การสำรวจพบว่า ผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนและมีบัญชีธนาคารราว 11% มีแนวโน้มที่จะใช้งานบริการโมบายเพย์เมนต์ในปี 2013 ที่จะถึงนี้
นอกจากกูเกิลวอลเล็ต กลุ่มโอเปอเรเตอร์ระดับโลกก็มีการรวมตัวเพื่อให้บริการกระเป๋าเงินดิจิตอลลักษณะเดียวกัน โดยรวมตัวกันในชื่อบริการไอซิส ซึ่งประกอบด้วยเอทีแอนด์ที, ดอยซ์เทเลคอม, ทีโมบายล์ยูเอสเอ เวอร์ไรซอน และโวดาโฟน ซึ่งจะเริ่มเปิดทดสอบบริการภายในฤดูร้อนปีนี้ ที่เมืองซอลท์เลคซิตี้ และออสติน ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา
อีกสัญญาณตื่นตัวเรื่องธุรกิจโมบายล์เพย์เมนต์ คือแบรนด์กาแฟยักษ์ใหญ่อย่างสตาร์บัคที่เพิ่งประกาศตัวสนับสนุนธุรกิจโม บายล์เพย์เมนต์เช่นกัน โดยจะเริ่มนำระบบชำระเงินดิจิตอลของบริษัท สแควร์ (Square) มาใช้ในร้านกาแฟของสตาร์บัคมากกว่า 7,000 แห่งในสหรัฐฯ พร้อมกับเทเงินลงทุนราว 25 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีโมบายล์เพย์เมนต์ของสแควร์ใน ระยะยาว
สแควร์นั้นเป็นบริษัทผลิตแอปพลิเคชันชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือซึ่งก่อตั้ง ในปี 2009 โดยแจ็ค ดอร์ซีย์ ผู้สร้างบริการชื่อก้องโลกอย่างทวิตเตอร์ ซึ่งที่ผ่านมา สแควร์ทำให้ร้านค้าขนาดเล็กสามารถซื้อระบบที่เปลี่ยนสมาร์ทโฟนของร้านเป็น ระบบรูดบัตรเครดิตในราคาประหยัด โดยจำหน่ายอุปกรณ์อ่านข้อมูลบัตรเครดิตขนาดจิ๋วพร้อมกับแอปพลิเคชันซึ่งร้าน ค้าสามารถติดตั้งในสมาร์ทโฟนที่มีอยู่
สำหรับบริการกูเกิลวอลเล็ต ความคืบหน้าล่าสุดของกูเกิลคือการพยายามเสริมแกร่งบริการเพื่อเตรียมพร้อม ให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือได้ร่วมทดลองใช้งานให้มากที่สุด โดยเพิ่มคุณสมบัติให้รองรับผู้ใช้บัตรเครดิตและเดบิตของทั้งตระกูลวีซ่า มาสเตอร์การ์ด อเมริกันเอ็กซ์เพรส และดิสคัฟเวอร์ ซึ่งเรียกว่าครอบคลุมบัตรเดบิตและบัตรเครดิตหลักทุกแบรนด์ในสหรัฐฯแล้ว
ที่มา : http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrview.aspx?NewsID=9550000100761
ลงวันที่ 18-08-2012 by creditonhand
เคทีซี
“เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยนายธีรพจน์ โชคอนันตัง ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจบัตรเครดิต ร่วมกับห้างสรรพสินค้าสยาม พารากอน ดิ เอ็มโพเรียม และเดอะมอลล์ โดยนางณัฐศมน วงศ์กิตติพัฒน์ ผู้จัดการใหญ่การตลาด มอบสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีให้ได้เพลิดเพลินกับการเลือกสรรนาฬิกาเรือนโปรดแบบสุดคุ้มในงาน WATCH EXPO 2012 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันนี้ – 19 สิงหาคม 2555 ณ บริเวณฮอลล์ ออฟ เฟม (Hall of Fame) ฮอลล์ ออฟ มิเรอร์ (Hall of Mirror) แฟชั่น ฮอลล์ (Fashion Hall) และแฟชั่น แกลอรี่ (Fashion Gallery) ภายในห้างสรรพสินค้าสยาม พารากอน และระหว่างวันนี้ – 30 กันยายน 2555 ที่เคาน์เตอร์แผนกนาฬิกา ในห้างสรรพสินค้าสยาม พารากอน ดิ เอ็มโพเรียม และเดอะมอลล์ โดยสมาชิกใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี รับสิทธิ์ขยายเวลาผ่อนชำระอัตโนมัติผ่านบัตรเครดิต (KTC FLEXI) 0% ได้นานขึ้นสูงสุด 10 เดือน และรับส่วนลดเพิ่ม 10% เฉพาะยอดการซื้อสินค้าแบบผ่อนชำระกับแบรนด์นาฬิกาที่ร่วมรายการ
นอกจากนี้ สมาชิกยังสามารถใช้คะแนนสะสม KTC Forever Rewards แลกรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 20% จากราคาที่ลดแล้ว เฉพาะยอดการซื้อสินค้าแบบปกติสำหรับทุกแบรนด์นาฬิกา เมื่อซื้อสินค้าผ่าน บัตรเครดิตเคทีซี ตั้งแต่ 1 – 40,000 บาทขึ้นไปต่อเซลส์สลิป และใช้คะแนนเท่ากับยอดซื้อ แลกรับส่วนลดเพิ่มทันที 15% จากราคาที่ลดแล้ว และเมื่อซื้อสินค้าผ่านบัตรเครดิตเคทีซี ตั้งแต่ 40,001 บาทขึ้นไปต่อ เซลส์สลิป และใช้คะแนนเท่ากับยอดซื้อ แลกรับส่วนลดเพิ่มทันที 20% จากราคาที่ลดแล้วผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ KTC Phone โทรศัพท์ 0-2665-5000 หรือที่ www.ktc.co.th
ออกข่าวในนาม : ฝ่ายสื่อสารองค์กรและธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
ขอบคุณข้อมูล: newswit.com ลงวันที่ 11-08-2012 by creditonhand
นอกจากนี้ สมาชิกยังสามารถใช้คะแนนสะสม KTC Forever Rewards แลกรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 20% จากราคาที่ลดแล้ว เฉพาะยอดการซื้อสินค้าแบบปกติสำหรับทุกแบรนด์นาฬิกา เมื่อซื้อสินค้าผ่าน บัตรเครดิตเคทีซี ตั้งแต่ 1 – 40,000 บาทขึ้นไปต่อเซลส์สลิป และใช้คะแนนเท่ากับยอดซื้อ แลกรับส่วนลดเพิ่มทันที 15% จากราคาที่ลดแล้ว และเมื่อซื้อสินค้าผ่านบัตรเครดิตเคทีซี ตั้งแต่ 40,001 บาทขึ้นไปต่อ เซลส์สลิป และใช้คะแนนเท่ากับยอดซื้อ แลกรับส่วนลดเพิ่มทันที 20% จากราคาที่ลดแล้วผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ KTC Phone โทรศัพท์ 0-2665-5000 หรือที่ www.ktc.co.th
ออกข่าวในนาม : ฝ่ายสื่อสารองค์กรและธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
ขอบคุณข้อมูล: newswit.com ลงวันที่ 11-08-2012 by creditonhand
นาย กิตติ พัฒนพงศ์พิบูล ประธานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย กล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์การเมืองคลี่คลาย และเหตุการณ์น้ำท่วมไม่เลวร้ายเท่าปี 2554 ทำให้เชื่อมั่นว่ายอดสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ใน ปี 2555 จะอยู่ในระดับ 3 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 2.7 แสนล้านบาท โดยครึ่งปีแรกที่ผ่านมา พบว่าธนาคารพาณิชย์หลายแห่งมีการขยายตัวของสินเชื่อที่อยู่อาศัยถึง 5-6% ซึ่งโดยหลักมาจากนโยบายของรัฐบาลที่พยายามกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ให้กำลังซื้อลด ลง ภายหลังเมื่อช่วงต้นปีได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมรุนแรง ประกอบกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยต่ำ ในขณะที่ตลาดการเงินซึ่งได้นโยบายรัฐบาล เช่นบ้านหลังแรก และสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำพิเศษ (ซอฟต์โลน) 3 แสนล้านบาท สำหรับผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยปี 2554 เข้ามาสนับสนุน
ด้าน นายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า สำหรับภาพรวมการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 4 แสนล้านบาท ทำให้ภายในสิ้นปีนี้จะมีสินเชื่อที่อยู่อาศัยคงค้างเพิ่มขึ้น 6-7% จาก 2.1 ล้านล้านบาท ในปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 2.3 ล้านล้านบาท ขณะที่ครึ่งปีแรกธนาคารกสิกรไทยได้ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยไปแล้ว 2.5 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งในส่วนของแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเชื่อว่าในไตรมาส 3 ยังทรงตัว เนื่องจากกระทรวงการคลังและธปท.พยายามดูแลไม่ให้สูงเกินไป จากปัจจุบันซึ่งดอกเบี้ยอาร์พีอยู่ที่ระดับ 3% และหลังจากนั้นในไตรมาส 4 คงมีการพิจารณาอีกครั้งและหากปรับขึ้นคงไม่เกิน 0.25-0.50% แต่หากอัตราดอกเบี้ยกู้บ้านยืนในระดับปัจจุบัน คือ เฉลี่ย 5-6% ในระยะ 10 ปี จะทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังมีการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
ล่า สุดสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย และบริษัท โฮมบายเออร์ไกด์ จำกัด เตรียมจัดงานอภิมหกรรมบ้าน-คอนโด และสินเชื่อแห่งปี ที่เป็นการรวมพลัง 3 งานใหญ่ที่อยู่อาศัย ประกอบด้วยโครงการบ้านใหม่ บ้านมือสองราคาพิเศษ และบริการสินเชื่อที่อยู่อาศัย เงื่อนไขพิเศษสุด ระหว่างวันที่ 23-26 ส.ค.นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงาน 8 หมื่นคน
ขอบคุณข้อมูล: khaosod.co.th ลงวันที่ 21-07-2012 by creditonhand
ด้าน นายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า สำหรับภาพรวมการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 4 แสนล้านบาท ทำให้ภายในสิ้นปีนี้จะมีสินเชื่อที่อยู่อาศัยคงค้างเพิ่มขึ้น 6-7% จาก 2.1 ล้านล้านบาท ในปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 2.3 ล้านล้านบาท ขณะที่ครึ่งปีแรกธนาคารกสิกรไทยได้ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยไปแล้ว 2.5 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งในส่วนของแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเชื่อว่าในไตรมาส 3 ยังทรงตัว เนื่องจากกระทรวงการคลังและธปท.พยายามดูแลไม่ให้สูงเกินไป จากปัจจุบันซึ่งดอกเบี้ยอาร์พีอยู่ที่ระดับ 3% และหลังจากนั้นในไตรมาส 4 คงมีการพิจารณาอีกครั้งและหากปรับขึ้นคงไม่เกิน 0.25-0.50% แต่หากอัตราดอกเบี้ยกู้บ้านยืนในระดับปัจจุบัน คือ เฉลี่ย 5-6% ในระยะ 10 ปี จะทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังมีการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
ล่า สุดสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย และบริษัท โฮมบายเออร์ไกด์ จำกัด เตรียมจัดงานอภิมหกรรมบ้าน-คอนโด และสินเชื่อแห่งปี ที่เป็นการรวมพลัง 3 งานใหญ่ที่อยู่อาศัย ประกอบด้วยโครงการบ้านใหม่ บ้านมือสองราคาพิเศษ และบริการสินเชื่อที่อยู่อาศัย เงื่อนไขพิเศษสุด ระหว่างวันที่ 23-26 ส.ค.นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงาน 8 หมื่นคน
ขอบคุณข้อมูล: khaosod.co.th ลงวันที่ 21-07-2012 by creditonhand
ktc
“เคทีซี” เปิดแผนสร้างเกราะเสริมกำลังครบช่องทางจัดจำหน่าย หวังปั้นฐานบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลเข้าเป้า
เคทีซีเปิดศึกครึ่งปี หลังขยายฐานสมาชิกตามเป้า อัดกลยุทธ์บริหารช่องทางจัดจำหน่ายเต็มอัตรา ผ่านไดเร็กเซลส์ ธนาคารกรุงไทย ศูนย์บริการลูกค้า “เคทีซี ทัช” และออนไลน์ รวมถึงพันธมิตรธนาคารที่ออกบัตรร่วม ได้แก่ ธนาคารออมสิน หวังชิงเค้กก้อนโตสินเชื่อบุคคล เจาะกลุ่มรายได้ 1 หมื่นบาทขึ้นไป ด้านบัตรเครดิตมุ่งคุณภาพพอร์ตมากกว่าปริมาณ และการกระตุ้นสมาชิกใช้จ่ายเพิ่ม คาดสิ้นปีสมาชิกใหม่บัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลเพิ่มประเภทละ 1 แสนราย
นางณัฐชนัญ เก่งลือชา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานช่องทางจัดจำหน่าย “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในช่วงกลางถึงปลายปี 2554 ซึ่งเกิดวิกฤติอุทกภัย ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการด้านสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคเกือบทุกรายรวมถึง เคทีซี แต่ด้วยกลยุทธ์การขาย และความร่วมมือกัน ทำให้บริษัทฯ สามารถบรรลุผลการดำเนินงานใกล้เคียงเป้าหมาย โดยมียอดสมาชิกบัตรเครดิตใหม่ 145,000 ราย และสินเชื่อบุคคล 97,000 ราย”
“สำหรับกลยุทธ์ครึ่งปีหลังของการบริหารช่องทางจัดจำหน่าย เคทีซียังคงให้ความสำคัญกับสินเชื่อบุคคล เพื่อให้สอดคล้องกับดีมานด์และกลไกของตลาดที่เติบโตต่อเนื่องจากภาวะ เศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว อีกทั้งการขยายฐานสินเชื่อยังตอบโจทย์ในหลายด้าน โดยสามารถสร้างรายได้ให้บริษัทฯ ในรูปของดอกเบี้ยได้ทันที และสามารถรองรับฐานสมาชิกที่กว้างกว่า ซึ่งมีรายได้ตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป”
“ในส่วนของบัตรเครดิต บริษัทฯ จะมุ่งเน้นการคัดสรรสมาชิกคุณภาพมากกว่าการเพิ่มปริมาณในฐานสมาชิก เนื่องจากแนวโน้มการอิ่มตัวของตลาด ต้นทุนการดำเนินงานที่ขยับตัว และการแข่งขันที่รุนแรง โดยจะใช้กลยุทธ์การประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้ผู้สมัครเข้าใจสิทธิประโยชน์ที่ แตกต่าง เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายทันที นอกจากนี้ เรายังเชื่อว่าฐานสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีกว่า 1.6 ล้านบัตร มีขนาดใหญ่เพียงพอ ทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) กลยุทธ์การกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น น่าจะเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพกว่า เพราะช่วยให้บริษัทฯ ประหยัดต้นทุนได้มาก และสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ได้ดี”
“เคทีซีจะใช้ความได้เปรียบ โดยอาศัยความหลากหลาย ทั้งการขายผ่านไดเร็กเซลส์ ตัวแทนธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน (การขยายบัตรร่วม) ควบคู่กับ “เคทีซี ทัช” ที่เปิดให้บริการอย่างต่อเนื่อง และช่องทางออนไลน์ ที่กำลังเติบโต ครอบคลุมทั้งเว็บไซต์บริษัทฯ www.ktc.co.th ผ่านไอคอน “I Want KTC” และเว็บไซต์ของพันธมิตรทางธุรกิจ โดยช่องทางหลักยังคงเน้นการขายผ่าน ไดเร็กเซลส์ เนื่องจากพนักงานขายเป็นผู้มีประสบการณ์ ความชำนาญ กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ จะช่วยรองรับการขยายฐานสมาชิกสินเชื่อบุคคลได้อย่างดี สำหรับช่องทางเทเลเซลล์ เคทีซีได้ปรับเปลี่ยน มาใช้การบริหารจัดการภายในองค์กรอย่างเต็มตัว ซึ่งจะทำให้สามารถควบคุมคุณภาพการขายและการบริการให้เกิดประสิทธิภาพยิ่ง ขึ้นและบรรลุเป้าหมายที่วางไว้”
“ในปีนี้เคทีซีได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงไทยมากขึ้น โดยใช้หลักการขายร่วม (Bundle) ควบคู่ไปกับผลิตภัณฑ์ของธนาคาร เพื่อให้ลูกค้าได้รับผลประโยชน์สูงสุดในคราวเดียว และช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องเอกสารการสมัครที่ไม่ยุ่งยาก”
“สำหรับกลยุทธ์และรูปแบบการนำเสนอผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตและสินเชื่อบุคลไป ยังกลุ่มเป้าหมาย เคทีซีจะใช้วิธีการกระตุ้นไปยังผู้แนะนำหรือตัวแทนขาย ควบคู่กับการทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาด โดยให้ผลตอบแทนในลักษณะของคอมมิชชั่น และการจัดรายการส่งเสริมการขาย เช่น ทริปท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากตัวแทนขาย”
“อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะยังเน้นการคัดสรรคุณภาพในการรับสมัครสมาชิกใหม่มากขึ้น โดยพิจารณาจากอัตราลูกค้าที่มีการใช้จ่ายบัตรเครดิต และการเบิกถอนสินเชื่อบุคคลในคราวแรกให้สูงขึ้น รวมไปถึงอัตราการอนุมัติที่สูงขึ้น เพื่อให้บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้ และลดต้นทุนในการขยายฐานลูกค้ารายใหม่ให้มากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าสิ้นปีจะมีสมาชิกสินเชื่อบุคคลใหม่และสมาชิกบัตรเครดิตใหม่เพิ่ม ขึ้นในพอร์ตประเภทละ 100,000 รายโดยประมาณ”
เคทีซีเปิดศึกครึ่งปี หลังขยายฐานสมาชิกตามเป้า อัดกลยุทธ์บริหารช่องทางจัดจำหน่ายเต็มอัตรา ผ่านไดเร็กเซลส์ ธนาคารกรุงไทย ศูนย์บริการลูกค้า “เคทีซี ทัช” และออนไลน์ รวมถึงพันธมิตรธนาคารที่ออกบัตรร่วม ได้แก่ ธนาคารออมสิน หวังชิงเค้กก้อนโตสินเชื่อบุคคล เจาะกลุ่มรายได้ 1 หมื่นบาทขึ้นไป ด้านบัตรเครดิตมุ่งคุณภาพพอร์ตมากกว่าปริมาณ และการกระตุ้นสมาชิกใช้จ่ายเพิ่ม คาดสิ้นปีสมาชิกใหม่บัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลเพิ่มประเภทละ 1 แสนราย
นางณัฐชนัญ เก่งลือชา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานช่องทางจัดจำหน่าย “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในช่วงกลางถึงปลายปี 2554 ซึ่งเกิดวิกฤติอุทกภัย ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการด้านสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคเกือบทุกรายรวมถึง เคทีซี แต่ด้วยกลยุทธ์การขาย และความร่วมมือกัน ทำให้บริษัทฯ สามารถบรรลุผลการดำเนินงานใกล้เคียงเป้าหมาย โดยมียอดสมาชิกบัตรเครดิตใหม่ 145,000 ราย และสินเชื่อบุคคล 97,000 ราย”
“สำหรับกลยุทธ์ครึ่งปีหลังของการบริหารช่องทางจัดจำหน่าย เคทีซียังคงให้ความสำคัญกับสินเชื่อบุคคล เพื่อให้สอดคล้องกับดีมานด์และกลไกของตลาดที่เติบโตต่อเนื่องจากภาวะ เศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว อีกทั้งการขยายฐานสินเชื่อยังตอบโจทย์ในหลายด้าน โดยสามารถสร้างรายได้ให้บริษัทฯ ในรูปของดอกเบี้ยได้ทันที และสามารถรองรับฐานสมาชิกที่กว้างกว่า ซึ่งมีรายได้ตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป”
“ในส่วนของบัตรเครดิต บริษัทฯ จะมุ่งเน้นการคัดสรรสมาชิกคุณภาพมากกว่าการเพิ่มปริมาณในฐานสมาชิก เนื่องจากแนวโน้มการอิ่มตัวของตลาด ต้นทุนการดำเนินงานที่ขยับตัว และการแข่งขันที่รุนแรง โดยจะใช้กลยุทธ์การประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้ผู้สมัครเข้าใจสิทธิประโยชน์ที่ แตกต่าง เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายทันที นอกจากนี้ เรายังเชื่อว่าฐานสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีกว่า 1.6 ล้านบัตร มีขนาดใหญ่เพียงพอ ทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) กลยุทธ์การกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น น่าจะเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพกว่า เพราะช่วยให้บริษัทฯ ประหยัดต้นทุนได้มาก และสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ได้ดี”
“เคทีซีจะใช้ความได้เปรียบ โดยอาศัยความหลากหลาย ทั้งการขายผ่านไดเร็กเซลส์ ตัวแทนธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน (การขยายบัตรร่วม) ควบคู่กับ “เคทีซี ทัช” ที่เปิดให้บริการอย่างต่อเนื่อง และช่องทางออนไลน์ ที่กำลังเติบโต ครอบคลุมทั้งเว็บไซต์บริษัทฯ www.ktc.co.th ผ่านไอคอน “I Want KTC” และเว็บไซต์ของพันธมิตรทางธุรกิจ โดยช่องทางหลักยังคงเน้นการขายผ่าน ไดเร็กเซลส์ เนื่องจากพนักงานขายเป็นผู้มีประสบการณ์ ความชำนาญ กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ จะช่วยรองรับการขยายฐานสมาชิกสินเชื่อบุคคลได้อย่างดี สำหรับช่องทางเทเลเซลล์ เคทีซีได้ปรับเปลี่ยน มาใช้การบริหารจัดการภายในองค์กรอย่างเต็มตัว ซึ่งจะทำให้สามารถควบคุมคุณภาพการขายและการบริการให้เกิดประสิทธิภาพยิ่ง ขึ้นและบรรลุเป้าหมายที่วางไว้”
“ในปีนี้เคทีซีได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงไทยมากขึ้น โดยใช้หลักการขายร่วม (Bundle) ควบคู่ไปกับผลิตภัณฑ์ของธนาคาร เพื่อให้ลูกค้าได้รับผลประโยชน์สูงสุดในคราวเดียว และช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องเอกสารการสมัครที่ไม่ยุ่งยาก”
“สำหรับกลยุทธ์และรูปแบบการนำเสนอผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตและสินเชื่อบุคลไป ยังกลุ่มเป้าหมาย เคทีซีจะใช้วิธีการกระตุ้นไปยังผู้แนะนำหรือตัวแทนขาย ควบคู่กับการทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาด โดยให้ผลตอบแทนในลักษณะของคอมมิชชั่น และการจัดรายการส่งเสริมการขาย เช่น ทริปท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากตัวแทนขาย”
“อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะยังเน้นการคัดสรรคุณภาพในการรับสมัครสมาชิกใหม่มากขึ้น โดยพิจารณาจากอัตราลูกค้าที่มีการใช้จ่ายบัตรเครดิต และการเบิกถอนสินเชื่อบุคคลในคราวแรกให้สูงขึ้น รวมไปถึงอัตราการอนุมัติที่สูงขึ้น เพื่อให้บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้ และลดต้นทุนในการขยายฐานลูกค้ารายใหม่ให้มากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าสิ้นปีจะมีสมาชิกสินเชื่อบุคคลใหม่และสมาชิกบัตรเครดิตใหม่เพิ่ม ขึ้นในพอร์ตประเภทละ 100,000 รายโดยประมาณ”
เคทีซีชวนกลุ่มเจแปนฮาร์ดคอร์ด
นายธีรพจน์ โชคอนันตัง ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “หลังจากเปิดตัวแคมเปญ “กินญี่ปุ่น ลุ้นเที่ยวญี่ปุ่นฟรีกับ เคทีซี พร้อมรับ 100,000 เยนทุกสัปดาห์” สมาชิกให้การตอบรับดีมาก ทำให้ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรในหมวดร้านอาหารที่เข้าร่วมรายการเพิ่มขึ้นถึง 30% ซึ่งระยะเวลาของแคมเปญยังเหลืออีก 1 เดือน จึงอยากเชิญชวนสมาชิกที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นร่วมลุ้นรางวัล “เคทีซี วีคลี่ โบนัส” 100,000 เยนทุกสัปดาห์ เพียงใช้จ่ายผ่านบัตรสูงสุดใน 10 ร้านอาหารที่ร่วมรายการ และทุกๆ การใช้จ่ายผ่านบัตร 800 บาท ยังจะได้รับ 1 สิทธิ์ลุ้นรางวัลแพ็คเกจท่องเที่ยวคู่ กรุงเทพฯ – โตเกียว 3 คืน 5 วัน จำนวน 5 รางวัลๆ ละ 100,000 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 500,000 บาท อีกด้วย พร้อมรับส่วนลดสูงสุดถึง 55% ณ ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ร่วมรายการกว่า 300 สาขา พิเศษ สำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี – เจซีบี รับคะแนนสะสม 5 เท่าเมื่อใช้จ่ายในร้านอาหารญี่ปุ่นที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 กรกฎาคม 2555”
ขอขอบคุณข้อมูล: newswit.com ลงวันที่ 30-06-2012 by creditonhand
ขอขอบคุณข้อมูล: newswit.com ลงวันที่ 30-06-2012 by creditonhand
ครม.เห็นชอบร่างพ.ร.บ บัตรเครดิต
รายงานข่าวจากสำนักงานโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจบัตรเครดิต พ.ศ... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาและสร้างมาตรฐานในการกำกับดูแลการ ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่เหมาะสมและเป็นธรรม มีการกำหนดสิทธิและหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจบัตร เครดิต
นอกจากนี้ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวยังกำหนดมาตรการในการคุ้มครองผู้บริโภคที่เหมาะสมอันจะ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมต่อไป
สำหรับสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ประกอบด้วย 1.เพื่อให้กฎหมายกำกับดูแลการประกอบธุรกิจบัตรเครดิตเป็นมาตรฐาน เดียวกัน เนื่องจากในปัจจุบันกฎหมายที่ใช้ในการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจบัตร เครดิตยังไม่เป็นมาตรฐานเดียวกันกล่าว คือ ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่เป็นสถาบันการเงินจะถูกกำกับดูแล โดย พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ.2551
ส่วนผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่มิใช่สถาบันการเงินหรือที่เรียก ว่า Non-Bank จะถูกกำกับดูแลโดยประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องกิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ 5 แห่งประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58
2.การกำหนดมาตรการให้การคุ้มครองผู้บริโภค เช่น การกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตมีหน้าที่แจ้ง เปิดเผยหรือให้ข้อมูลแก่ผู้ถือบัตร การห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจเรียกเก็บเงินจากผู้ถือบัตรก่อนถึงวัน ครบชำระตามสัญญา ให้ผู้ประกอบธุรกิจมีหน้าที่ป้องกันมิให้ผู้อื่นนำข้อมูลส่วนบุคคลของ ผู้ถือบัตรไปใช้โดยฉ้อฉล และการให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการ ให้มีศูนย์บริการลูกค้า การรับพิจารณาเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้บัตรเครดิต หรือกรณีอื่นใดเพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองแก่ผู้ถือบัตร เป็นต้น
3.กำหนดให้การรับส่งข้อมูลธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศผ่าน ศูนย์กลางหรือจุดเชื่อมต่อรับส่งข้อมูลรายการชำระเงินทางอิเล็ก ทรอนิกส์ที่จัดตั้งภายในประเทศ(Local Switching)ซึ่งจะเป็นการลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการและผู้บริโภค ในการประกอบกิจการและการใช้บริการบัตรเครดิต
ขอขอบคุณข้อมูล: ryt9.com ลงวันที่ 23-06-2012 by creditonhand
นอกจากนี้ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวยังกำหนดมาตรการในการคุ้มครองผู้บริโภคที่เหมาะสมอันจะ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมต่อไป
สำหรับสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ประกอบด้วย 1.เพื่อให้กฎหมายกำกับดูแลการประกอบธุรกิจบัตรเครดิตเป็นมาตรฐาน เดียวกัน เนื่องจากในปัจจุบันกฎหมายที่ใช้ในการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจบัตร เครดิตยังไม่เป็นมาตรฐานเดียวกันกล่าว คือ ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่เป็นสถาบันการเงินจะถูกกำกับดูแล โดย พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ.2551
ส่วนผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่มิใช่สถาบันการเงินหรือที่เรียก ว่า Non-Bank จะถูกกำกับดูแลโดยประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องกิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ 5 แห่งประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58
2.การกำหนดมาตรการให้การคุ้มครองผู้บริโภค เช่น การกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตมีหน้าที่แจ้ง เปิดเผยหรือให้ข้อมูลแก่ผู้ถือบัตร การห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจเรียกเก็บเงินจากผู้ถือบัตรก่อนถึงวัน ครบชำระตามสัญญา ให้ผู้ประกอบธุรกิจมีหน้าที่ป้องกันมิให้ผู้อื่นนำข้อมูลส่วนบุคคลของ ผู้ถือบัตรไปใช้โดยฉ้อฉล และการให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการ ให้มีศูนย์บริการลูกค้า การรับพิจารณาเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้บัตรเครดิต หรือกรณีอื่นใดเพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองแก่ผู้ถือบัตร เป็นต้น
3.กำหนดให้การรับส่งข้อมูลธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศผ่าน ศูนย์กลางหรือจุดเชื่อมต่อรับส่งข้อมูลรายการชำระเงินทางอิเล็ก ทรอนิกส์ที่จัดตั้งภายในประเทศ(Local Switching)ซึ่งจะเป็นการลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการและผู้บริโภค ในการประกอบกิจการและการใช้บริการบัตรเครดิต
ขอขอบคุณข้อมูล: ryt9.com ลงวันที่ 23-06-2012 by creditonhand
ชง ครม. คุมเข้มบัตรเครดิต
ชงร่าง พ.ร.บ.บัตรเครดิต คุมเข้มธุรกิจบัตรเครดิต-คุ้มครองผู้ถือบัตร เข้า ครม.อังคารนี้
การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 5 มิ.ย. นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง จะเสนอร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจบัตรเครดิต พ.ศ. ... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วให้ ครม.ให้ความเห็นชอบและเสนอรัฐสภาพิจารณาต่อไป
สำหรับสาระสำคัญร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ อยู่ที่ร่างมาตรา 11-25 ที่กำหนดหลักเกณฑ์ในการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต เช่น การให้บริการแก่ผู้รับบัตร การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต และการให้บริการแก่ผู้รับบัตร อาทิ รูปแบบของเอกสารชี้ชวน สัญญาบัตรเครดิต ประเภทของบัตรเครดิต คุณสมบัติของผู้ถือบัตร อัตราวิธีการคิดดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าธรรมเนียม และค่าบริการอื่นๆ
นอกจากนี้ ยังกำหนดหน้าที่ของผู้ให้บริการบัตรเครดิตและการคุ้มครองผู้ถือบัตร เช่น 1.การกำหนดหลักเกณฑ์การรับเรื่องราวร้องทุกข์ของลูกค้า 2.ห้ามผู้ประกอบธุรกิจเรียกเก็บเงินก่อนวันครบกำหนดชำระตามสัญญา 3.ผู้ประกอบธุรกิจมีหน้าที่ให้ข้อมูลแก่ผู้ถือบัตรเกี่ยวกับการทุจริตและ ป้องกันมิให้ผู้อื่นนำข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ถือบัตรไปใช้โดยฉ้อฉล
ขณะที่ร่างมาตรา 7 กำหนดให้การประกอบธุรกิจบัตรเครดิตจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาตจาก รมว.คลัง โดยความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่างมาตรา 10 กำหนดให้การให้บริการแก่ผู้รับบัตรจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจาก ธปท. ตามหลักเกณฑ์ที่ ธปท.ประกาศกำหนด โดยปัจจุบันยอดบัตรเครดิตทั้งประเทศมีอยู่ร่วม 14.9 ล้านราย
ทั้งนี้ ครม.มีมติเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2553 อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว และดำเนินการตามขั้นตอน แต่ต่อมาสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่าง พ.ร.บ.คืนกระทรวงการคลัง เนื่องจากมี พ.ร.ฎ.ยุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 จากนั้น ครม.มีมติเมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2554 ให้ รมว.คลังถอนร่าง พ.ร.บ.กลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้ง
ขอขอบคุณข้อมูล: posttoday.com ลงวันที่ 09-06-2012 by creditonhand
การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 5 มิ.ย. นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง จะเสนอร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจบัตรเครดิต พ.ศ. ... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วให้ ครม.ให้ความเห็นชอบและเสนอรัฐสภาพิจารณาต่อไป
สำหรับสาระสำคัญร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ อยู่ที่ร่างมาตรา 11-25 ที่กำหนดหลักเกณฑ์ในการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต เช่น การให้บริการแก่ผู้รับบัตร การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต และการให้บริการแก่ผู้รับบัตร อาทิ รูปแบบของเอกสารชี้ชวน สัญญาบัตรเครดิต ประเภทของบัตรเครดิต คุณสมบัติของผู้ถือบัตร อัตราวิธีการคิดดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าธรรมเนียม และค่าบริการอื่นๆ
นอกจากนี้ ยังกำหนดหน้าที่ของผู้ให้บริการบัตรเครดิตและการคุ้มครองผู้ถือบัตร เช่น 1.การกำหนดหลักเกณฑ์การรับเรื่องราวร้องทุกข์ของลูกค้า 2.ห้ามผู้ประกอบธุรกิจเรียกเก็บเงินก่อนวันครบกำหนดชำระตามสัญญา 3.ผู้ประกอบธุรกิจมีหน้าที่ให้ข้อมูลแก่ผู้ถือบัตรเกี่ยวกับการทุจริตและ ป้องกันมิให้ผู้อื่นนำข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ถือบัตรไปใช้โดยฉ้อฉล
ขณะที่ร่างมาตรา 7 กำหนดให้การประกอบธุรกิจบัตรเครดิตจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาตจาก รมว.คลัง โดยความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่างมาตรา 10 กำหนดให้การให้บริการแก่ผู้รับบัตรจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจาก ธปท. ตามหลักเกณฑ์ที่ ธปท.ประกาศกำหนด โดยปัจจุบันยอดบัตรเครดิตทั้งประเทศมีอยู่ร่วม 14.9 ล้านราย
ทั้งนี้ ครม.มีมติเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2553 อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว และดำเนินการตามขั้นตอน แต่ต่อมาสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่าง พ.ร.บ.คืนกระทรวงการคลัง เนื่องจากมี พ.ร.ฎ.ยุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 จากนั้น ครม.มีมติเมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2554 ให้ รมว.คลังถอนร่าง พ.ร.บ.กลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้ง
ขอขอบคุณข้อมูล: posttoday.com ลงวันที่ 09-06-2012 by creditonhand
ยังใช้บัตรรูดปิ้ดต่างแดนได้ฉลุย
ยังใช้บัตรรูดปื้ดต่างแดนได้ฉลุย
นายโชค ณ ระนอง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ และผู้จัดการสายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผู้ถือบัตรเครดิตของธนาคารที่เดินทางไปต่างประเทศยังสามารถใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตได้ปกติ และเชื่อว่าปัญหากรณีที่ไทยถูกขึ้นแบล็กลิสต์เป็นประเทศที่ถูกจับตาต้องระวังการทำธุรกรรมการเงินในการฟอกเงินของคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน (FATF) นั้น จะไม่ครอบคลุมถึงการใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิต เนื่องจากการใช้จ่ายบัตรเครดิตเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการสามารถตรวจสอบที่มาของการใช้จ่ายได้ วงเงินที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมีจำนวนที่ไม่มาก ขณะเดียวกันการขึ้นแบล็กลิสต์นั้นธนาคารกลางของแต่ละประเทศต้องเป็นผู้ประกาศ “ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้สอบถามมายังธนาคารว่ามีลูกค้าร้องเรียนหรือไม่ กรณีที่ไม่สามารถใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในต่างประเทศ ซึ่งจนถึงปัจจุบันยังไม่มีลูกค้าบัตรเครดิตร้องเรียนในเรื่องที่ไม่สามารถใช้จ่ายในต่างประเทศได้”
สำหรับยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตช่วง 5 เดือนแรกเติบโต สูงมาก 18-19% และมียอดใช้จ่ายต่อบัตรต่อเดือน 9,400 บาท โดยสิ้นปีคาดว่ายอดใช้จ่ายต่อบัตรต่อเดือนจะเพิ่มขึ้นเป็น 9,700 บาท ขณะที่จำนวนบัตรเครดิตสิ้นปี 54 อยู่ที่ 1.09 ล้านบัตร เพิ่มขึ้นเป็น 1.2 ล้านบัตร อย่างไรก็ตาม การเติบโตของยอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่สูงมาก ทำให้ต้องเพิ่มเป้าหมาย จากเดิมกำหนดไว้ปีนี้จะมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้น 18% “ตลาดบัตรเครดิตที่แข่งขันรุนแรงเป็นเรื่องปกติ เพราะรายใหม่ที่เข้ามาทำตลาดใหม่ ต้องการเพิ่มฐานลูกค้า จึงออกแคมเปญลด แลก แจก แถม ขณะที่ผู้ประกอบการรายเดิมเมื่อกลับมาทำตลาดใหม่ ก็ต้องออกแคมเปญ ส่วนธนาคารกรุงเทพก็ต้องสู้กับคู่แข่งจึงออกแคมเปญมาต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น และธนาคารยังมีกำไรจากธุรกิจบัตรเครดิต”.
ของขอบคุณข้อมูล: thairath.co.th ลงวันที่ 02-06-2012 by creditonhand
นายโชค ณ ระนอง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ และผู้จัดการสายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผู้ถือบัตรเครดิตของธนาคารที่เดินทางไปต่างประเทศยังสามารถใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตได้ปกติ และเชื่อว่าปัญหากรณีที่ไทยถูกขึ้นแบล็กลิสต์เป็นประเทศที่ถูกจับตาต้องระวังการทำธุรกรรมการเงินในการฟอกเงินของคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน (FATF) นั้น จะไม่ครอบคลุมถึงการใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิต เนื่องจากการใช้จ่ายบัตรเครดิตเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการสามารถตรวจสอบที่มาของการใช้จ่ายได้ วงเงินที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมีจำนวนที่ไม่มาก ขณะเดียวกันการขึ้นแบล็กลิสต์นั้นธนาคารกลางของแต่ละประเทศต้องเป็นผู้ประกาศ “ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้สอบถามมายังธนาคารว่ามีลูกค้าร้องเรียนหรือไม่ กรณีที่ไม่สามารถใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในต่างประเทศ ซึ่งจนถึงปัจจุบันยังไม่มีลูกค้าบัตรเครดิตร้องเรียนในเรื่องที่ไม่สามารถใช้จ่ายในต่างประเทศได้”
สำหรับยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตช่วง 5 เดือนแรกเติบโต สูงมาก 18-19% และมียอดใช้จ่ายต่อบัตรต่อเดือน 9,400 บาท โดยสิ้นปีคาดว่ายอดใช้จ่ายต่อบัตรต่อเดือนจะเพิ่มขึ้นเป็น 9,700 บาท ขณะที่จำนวนบัตรเครดิตสิ้นปี 54 อยู่ที่ 1.09 ล้านบัตร เพิ่มขึ้นเป็น 1.2 ล้านบัตร อย่างไรก็ตาม การเติบโตของยอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่สูงมาก ทำให้ต้องเพิ่มเป้าหมาย จากเดิมกำหนดไว้ปีนี้จะมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้น 18% “ตลาดบัตรเครดิตที่แข่งขันรุนแรงเป็นเรื่องปกติ เพราะรายใหม่ที่เข้ามาทำตลาดใหม่ ต้องการเพิ่มฐานลูกค้า จึงออกแคมเปญลด แลก แจก แถม ขณะที่ผู้ประกอบการรายเดิมเมื่อกลับมาทำตลาดใหม่ ก็ต้องออกแคมเปญ ส่วนธนาคารกรุงเทพก็ต้องสู้กับคู่แข่งจึงออกแคมเปญมาต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น และธนาคารยังมีกำไรจากธุรกิจบัตรเครดิต”.
ของขอบคุณข้อมูล: thairath.co.th ลงวันที่ 02-06-2012 by creditonhand
เคทีซี-เจซีบีปลื้ม บัตรเครดิตครองใจคนไทยหัวใจญี่ปุ่น
“เคทีซี” จับมือพันธมิตร “เจซีบี” ฉลองความสำเร็จบัตรเครดิตเคทีซี-เจซีบี หลังเปิดตลาดในไทยเพียง 5 ปี ล่าสุด ทุ่มงบกว่า 10 ล้านบาท เดินหน้าจัดโปรโมชั่นขอบคุณสมาชิกที่มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบในความเป็นญี่ปุ่น ด้วยสิทธิพิเศษใช้จ่ายผ่านบัตรฯ เคทีซี-เจซีบี ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นนำ รับทันที! คะแนนสะสม KTC Forever Rewards 5เท่า พร้อมรับเพิ่ม 3 เท่า เมื่อใช้จ่ายที่บริษัทท่องเที่ยว ซูเปอร์มาร์เก็ต และสถานีบริการน้ำมันที่ร่วมรายการ ตั้งแต่ 1 มิถุนายน – 31 ธันวาคม 2555 คาดหลังสิ้นสุดแคมเปญได้ยอดสมาชิกคนไทยหัวใจญี่ปุ่นสมัครบัตรฯ เพิ่ม 20,000 ราย ส่งผลยอดใช้จ่ายโต 50 %
นายวรวุฒิ นิสภกุลธร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เคทีซีได้ร่วมมือกับเจซีบี อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้ให้บริการเครือข่ายระบบชำระเงินชั้นนำของโลก เปิดตัว “บัตรเครดิตเคทีซี-เจซีบี” ครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อต้นปี พ.ศ. 2551 เพื่อเจาะกลุ่มคนไทยที่มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบในผลิตภัณฑ์และบริการของญี่ปุ่น รวมถึงหลงใหลการเดินทางท่องเที่ยวไปเยือนประเทศญี่ปุ่น และกลุ่มนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย โดยปัจจุบันมีจำนวนสมาชิกผู้ถือบัตรเครดิตเคทีซี-เจซีบีทั้งสิ้นกว่า 40,000 ราย ซึ่งสมาชิกกลุ่มดังกล่าวนี้มีพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ชี้เฉพาะถึงไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง โดยมียอดการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อบุคคลที่ 13,000 บาทต่อเดือน สูงกว่ายอดการใช้จ่ายโดยรวมของพอร์ตที่ 5,000 บาท - 6,000 บาท สำหรับหมวดที่มีการใช้จ่ายสูงสุดได้แก่ สถานีบริการน้ำมัน ห้างสรรพสินค้า และอุปกรณ์สื่อสาร แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและพฤติกรรมการใช้จ่ายที่มีความยูนีคของกลุ่มสมาชิกดังกล่าว ดังนั้นในปี 2555 นี้ เคทีซีจะร่วมกับเจซีบีออกโปรโมชั่นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบญี่ปุ่นให้โดนใจสมาชิกปัจจุบันมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะกระตุ้นให้มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี-เจซีบีเพิ่มขึ้น 50 % และสามารถขยายฐานสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้น 20,000 ราย ”
นายฮิโรชิ นางาซาวา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจซีบี อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “เจซีบีเป็นแบรนด์บัตรเครดิตระดับโลก และเป็นผู้ออกบัตรฯ และรับบัตรฯ รายใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยเริ่มธุรกิจบัตรเครดิตในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2504 และขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศในปี 2524 ปัจจุบัน เจซีบีมีเครือข่ายร้านค้าถึง 13.53 ล้านแห่งใน 190 ประเทศและพื้นที่ใกล้เคียง มีการออกบัตรเครดิตเจซีบีใน 19 ประเทศ และมีจำนวนผู้ถือบัตรฯ มากถึง 70 ล้านคน สำหรับกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจให้เติบโตในระดับนานาชาตินั้น เจซีบีได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับธนาคารและสถาบันการเงินชั้นนำกว่า 350 ล้านแห่งทั่วโลก โดยที่ในประเทศไทย เจซีบีได้ร่วมมือกับเคทีซีในฐานะพันธมิตรผู้ออกบัตรเครดิตเจซีบีเพียงรายเดียว ด้วยความเชื่อมั่นในแนวทางการตลาดของเคทีซีที่โดดเด่นด้านการทำการตลาดแบบเซ็กเม้นเทชั่น เน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์ของสมาชิกแต่ละกลุ่มที่มีความต้องการหลากหลายและแตกต่าง โดยตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เจซีบีได้ขยายฐานผู้ถือบัตรฯ ไปยังกลุ่มคนไทยที่มีความชื่นชอบและสนใจในความเป็นญี่ปุ่น ซึ่งจากจำนวนสมาชิกและยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ โดยรวมถือว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ และในปี 2555 นี้ เจซีบีต้องการเชิญชวนคนไทยที่มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบความเป็นญี่ปุ่นและมีโอกาสได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นสมัครเป็นสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี-เจซีบีเพื่อรับสิทธิพิเศษมากมายที่คัดสรรมามอบให้แก่สมาชิกโดยเฉพาะ รวมถึงเพื่อเป็นการขอบคุณสมาชิกปัจจุบัน เจซีบีจึงได้ร่วมกับเคทีซีออกแคมเปญโปรโมชั่นพิเศษมอบคะแนน KTC Forever Rewards สูงสุดถึง 5 เท่า เมื่อสมาชิกใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี-เจซีบีที่ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังที่ร่วมรายการ และรับคะแนนสะสม KTC Forever Rewards พิเศษ 3 เท่า ที่บริษัทท่องเที่ยว ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ และสถานีบริการน้ำมันที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน – 31 ธันวาคม 2555 ด้วยงบประมาณด้านการตลาด 10 ล้านบาท”
สมาชิกสามารถรับคะแนนสะสม KTC Forever Rewards พิเศษ 5 เท่า เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เคทีซี-เจซีบี ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นได้แก่ โคโคอิชิบันยะ Cocoichibanya / โทราจิโร Torajiro / โออิชิ แกรนด์ Oishi Grand / โออิชิ บุฟเฟท์ Oishi Buffet / โออิชิ เอ็กซ์เพรส Oishi Express / โออิชิ ราเมน Oishi Ramen / ชาบูชิ Shabushi / นิปปอน เทอิ Nippon Tei / ฟูจิ Fuji / อาคา Aka / เซน Zen / อาโออิ AOI / ซูชิคิว แอนด์ คาร์นิวาล Sushicyu & Carnival / อูนางิ นากามูระ Unagi Nakamura / ซูยกิน SUIKIN / นากิยา NAGIYA / คิชิน KISHIN / อิชชิน ISSHIN / เทนสุย TENSUI / นานจา มอนจา NNJYA MONJYA / โยชิมูน YOSHIMUNE / กิว คากุ GYU KAKU และนาโนฮานา NANOHANA
นอกจากนี้ สมาชิกยังสามารถรับคะแนนสะสม KTC Forever Rewards พิเศษ 3 เท่า เมื่อใช้จ่ายผ่าน บัตรเครดิตเคทีซี-เจซีบีที่ บริษัทท่องเที่ยว (Tour Agency) H.I.S และ JTB ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ ได้แก่ วิลล่า มาร์เก็ต / ท็อปส์ ซูเปอร์ / ท็อปส์ เดลี่ / ท็อปส์ มาร์เก็ต / เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ / กูร์เมท์ มาร์เก็ต / โฮม เฟรช มาร์ท / ยูเอฟเอ็ม ฟูจิ / แม็กซ์ แวลู / จัสโก / โตคิว และสถานีบริการน้ำมัน ได้แก่ ปตท. / เชลล์ / คาลเท็กซ์ /บางจาก / ปิโตรนาส / พีที
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ KTC Phone โทรศัพท์ 0-2665-5000
ขอขอบคุณข้อมูล: newswit.com ลงวันที่ 26-05-2012 by creditonhand
นายวรวุฒิ นิสภกุลธร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เคทีซีได้ร่วมมือกับเจซีบี อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้ให้บริการเครือข่ายระบบชำระเงินชั้นนำของโลก เปิดตัว “บัตรเครดิตเคทีซี-เจซีบี” ครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อต้นปี พ.ศ. 2551 เพื่อเจาะกลุ่มคนไทยที่มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบในผลิตภัณฑ์และบริการของญี่ปุ่น รวมถึงหลงใหลการเดินทางท่องเที่ยวไปเยือนประเทศญี่ปุ่น และกลุ่มนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย โดยปัจจุบันมีจำนวนสมาชิกผู้ถือบัตรเครดิตเคทีซี-เจซีบีทั้งสิ้นกว่า 40,000 ราย ซึ่งสมาชิกกลุ่มดังกล่าวนี้มีพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ชี้เฉพาะถึงไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง โดยมียอดการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อบุคคลที่ 13,000 บาทต่อเดือน สูงกว่ายอดการใช้จ่ายโดยรวมของพอร์ตที่ 5,000 บาท - 6,000 บาท สำหรับหมวดที่มีการใช้จ่ายสูงสุดได้แก่ สถานีบริการน้ำมัน ห้างสรรพสินค้า และอุปกรณ์สื่อสาร แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและพฤติกรรมการใช้จ่ายที่มีความยูนีคของกลุ่มสมาชิกดังกล่าว ดังนั้นในปี 2555 นี้ เคทีซีจะร่วมกับเจซีบีออกโปรโมชั่นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบญี่ปุ่นให้โดนใจสมาชิกปัจจุบันมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะกระตุ้นให้มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี-เจซีบีเพิ่มขึ้น 50 % และสามารถขยายฐานสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้น 20,000 ราย ”
นายฮิโรชิ นางาซาวา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจซีบี อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “เจซีบีเป็นแบรนด์บัตรเครดิตระดับโลก และเป็นผู้ออกบัตรฯ และรับบัตรฯ รายใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยเริ่มธุรกิจบัตรเครดิตในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2504 และขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศในปี 2524 ปัจจุบัน เจซีบีมีเครือข่ายร้านค้าถึง 13.53 ล้านแห่งใน 190 ประเทศและพื้นที่ใกล้เคียง มีการออกบัตรเครดิตเจซีบีใน 19 ประเทศ และมีจำนวนผู้ถือบัตรฯ มากถึง 70 ล้านคน สำหรับกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจให้เติบโตในระดับนานาชาตินั้น เจซีบีได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับธนาคารและสถาบันการเงินชั้นนำกว่า 350 ล้านแห่งทั่วโลก โดยที่ในประเทศไทย เจซีบีได้ร่วมมือกับเคทีซีในฐานะพันธมิตรผู้ออกบัตรเครดิตเจซีบีเพียงรายเดียว ด้วยความเชื่อมั่นในแนวทางการตลาดของเคทีซีที่โดดเด่นด้านการทำการตลาดแบบเซ็กเม้นเทชั่น เน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์ของสมาชิกแต่ละกลุ่มที่มีความต้องการหลากหลายและแตกต่าง โดยตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เจซีบีได้ขยายฐานผู้ถือบัตรฯ ไปยังกลุ่มคนไทยที่มีความชื่นชอบและสนใจในความเป็นญี่ปุ่น ซึ่งจากจำนวนสมาชิกและยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ โดยรวมถือว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ และในปี 2555 นี้ เจซีบีต้องการเชิญชวนคนไทยที่มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบความเป็นญี่ปุ่นและมีโอกาสได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นสมัครเป็นสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี-เจซีบีเพื่อรับสิทธิพิเศษมากมายที่คัดสรรมามอบให้แก่สมาชิกโดยเฉพาะ รวมถึงเพื่อเป็นการขอบคุณสมาชิกปัจจุบัน เจซีบีจึงได้ร่วมกับเคทีซีออกแคมเปญโปรโมชั่นพิเศษมอบคะแนน KTC Forever Rewards สูงสุดถึง 5 เท่า เมื่อสมาชิกใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี-เจซีบีที่ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังที่ร่วมรายการ และรับคะแนนสะสม KTC Forever Rewards พิเศษ 3 เท่า ที่บริษัทท่องเที่ยว ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ และสถานีบริการน้ำมันที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน – 31 ธันวาคม 2555 ด้วยงบประมาณด้านการตลาด 10 ล้านบาท”
สมาชิกสามารถรับคะแนนสะสม KTC Forever Rewards พิเศษ 5 เท่า เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เคทีซี-เจซีบี ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นได้แก่ โคโคอิชิบันยะ Cocoichibanya / โทราจิโร Torajiro / โออิชิ แกรนด์ Oishi Grand / โออิชิ บุฟเฟท์ Oishi Buffet / โออิชิ เอ็กซ์เพรส Oishi Express / โออิชิ ราเมน Oishi Ramen / ชาบูชิ Shabushi / นิปปอน เทอิ Nippon Tei / ฟูจิ Fuji / อาคา Aka / เซน Zen / อาโออิ AOI / ซูชิคิว แอนด์ คาร์นิวาล Sushicyu & Carnival / อูนางิ นากามูระ Unagi Nakamura / ซูยกิน SUIKIN / นากิยา NAGIYA / คิชิน KISHIN / อิชชิน ISSHIN / เทนสุย TENSUI / นานจา มอนจา NNJYA MONJYA / โยชิมูน YOSHIMUNE / กิว คากุ GYU KAKU และนาโนฮานา NANOHANA
นอกจากนี้ สมาชิกยังสามารถรับคะแนนสะสม KTC Forever Rewards พิเศษ 3 เท่า เมื่อใช้จ่ายผ่าน บัตรเครดิตเคทีซี-เจซีบีที่ บริษัทท่องเที่ยว (Tour Agency) H.I.S และ JTB ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ ได้แก่ วิลล่า มาร์เก็ต / ท็อปส์ ซูเปอร์ / ท็อปส์ เดลี่ / ท็อปส์ มาร์เก็ต / เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ / กูร์เมท์ มาร์เก็ต / โฮม เฟรช มาร์ท / ยูเอฟเอ็ม ฟูจิ / แม็กซ์ แวลู / จัสโก / โตคิว และสถานีบริการน้ำมัน ได้แก่ ปตท. / เชลล์ / คาลเท็กซ์ /บางจาก / ปิโตรนาส / พีที
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ KTC Phone โทรศัพท์ 0-2665-5000
ขอขอบคุณข้อมูล: newswit.com ลงวันที่ 26-05-2012 by creditonhand
นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงพลังงานเสนอให้รวมบัตรเครดิตพลังงานเข้ากับบัตรเครดิตเกษตรกร ว่า ส่วนตัวยังไม่อยากให้นำทั้ง 2 บัตรดังกล่าวมารวมกัน เนื่องจากวัตถุประสงค์ และความต้องการใช้บัตรอยู่ในช่วงเวลาที่ต่างกัน โดยในส่วนของบัตรเครดิตพลังงาน ใช้สำหรับผู้ขับขี่รถรับจ้างสาธารณะ อาทิ แท็กซี่ รถสองแถว รถตู้ ซึ่งต้องมีการรูดเพื่อเติมน้ำมันทุกวัน ขณะที่บัตรสินเชื่อเกษตรกรนั้น ช่วงเวลาในการใช้บัตรจะเป็นไปตามฤดูการเพาะปลูกเป็นหลัก
“ในเบื้องต้นและส่วนตัวไม่อยากให้มีการรวมบัตรทั้งสองเข้าด้วยกัน เพราะจุดประสงค์ของการใช้แตกต่างกัน แต่สุดท้ายหากมีช่องทางหรือมีความจำเป็น มีความเหมาะสมที่จะต้องดำเนินการก็สามารถทำได้ เพราะการควบรวมบัตรดังกล่าวเข้าด้วยกันก็มีข้อดีว่าจะได้ไม่มีบัตรสินเชื่อต่างๆ จากรัฐบาลออกมาเลอะเทอะมากเกินไป” นายทนุศักดิ์กล่าว
นอกจากนี้ ได้มีการเชิญผู้ประกอบการที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายของโครงการบัตรเครดิตเกษตรกร อาทิ ผู้ผลิตปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และเมล็ดพันธุ์พืช รวมถึง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) มาหารือถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ในการใช้บัตรเครดิตเกษตรกรในการรูดซื้อสินค้าราคาพิเศษ เพื่อเป็นการช่วยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ โดยยืนยันว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนทั้งหมดภายในเดือน พ.ค.นี้แน่นอน.
ขอบคุณข้อมูล:thaipost.net/news/160512/56858 ลงวันที่ 19-05-2012 by creditonhand
“ในเบื้องต้นและส่วนตัวไม่อยากให้มีการรวมบัตรทั้งสองเข้าด้วยกัน เพราะจุดประสงค์ของการใช้แตกต่างกัน แต่สุดท้ายหากมีช่องทางหรือมีความจำเป็น มีความเหมาะสมที่จะต้องดำเนินการก็สามารถทำได้ เพราะการควบรวมบัตรดังกล่าวเข้าด้วยกันก็มีข้อดีว่าจะได้ไม่มีบัตรสินเชื่อต่างๆ จากรัฐบาลออกมาเลอะเทอะมากเกินไป” นายทนุศักดิ์กล่าว
นอกจากนี้ ได้มีการเชิญผู้ประกอบการที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายของโครงการบัตรเครดิตเกษตรกร อาทิ ผู้ผลิตปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และเมล็ดพันธุ์พืช รวมถึง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) มาหารือถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ในการใช้บัตรเครดิตเกษตรกรในการรูดซื้อสินค้าราคาพิเศษ เพื่อเป็นการช่วยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ โดยยืนยันว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนทั้งหมดภายในเดือน พ.ค.นี้แน่นอน.
ขอบคุณข้อมูล:thaipost.net/news/160512/56858 ลงวันที่ 19-05-2012 by creditonhand
KBANK รุกบัตรเครดิตองค์กรเปลี่ยนโฉมบัตรใหม่
กสิกรไทยรุกตลาดบัตรเครดิตนิติบุคคล เปลี่ยนโฉมบัตรใหม่ พร้อมเพิ่มสิทธิประโยชน์หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการทั้งต่อผู้ถือบัตรและช่วยองค์กรประหยัดค่าใช้จ่าย มั่นใจตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า หวังเพิ่มฐานลูกค้าบัตรเครดิตองค์กรกว่าเท่าตัว
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทย เตรียมรุกตลาดบัตรเครดิตนิติบุคคล (Corporate Executive Card) อีกครั้ง เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าบัตรเครดิตที่เป็นองค์กรธุรกิจ โดยบัตรดังกล่าวออกให้แก่ผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่ที่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แทนบริษัท อาทิ ค่ารับรองลูกค้า ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ฯลฯ เพื่อความคล่องตัวในการติดต่อธุรกิจที่ครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจะมีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ของบัตรให้มากขึ้น รวมทั้งปรับภาพลักษณ์บัตรเครดิตนิติบุคคลกสิกรไทยครั้งใหญ่ มีการเปลี่ยนหน้าบัตรใหม่ให้ดูเรียบหรู ภูมิฐานมากยิ่งขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับสิทธิพิเศษเหนือระดับ
ทั้งนี้ บัตรเครดิตนิติบุคคลโฉมใหม่จะเพิ่มสิทธิประโยชน์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าองค์กร ไม่ว่าจะเป็นสิทธิ์ในการรับเงินคืนเข้าบัญชีบัตรเครดิต (Cash Rebate) 0.5% จากยอดการใช้จ่าย สิทธิพิเศษในการใช้ห้องรับรองพิเศษของการบินไทย (TG Lounge) ณ สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินต่างจังหวัด ที่ จังหวัดเชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี และหากชำระค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินด้วยบัตรเครดิตนิติบุคคลกสิกรไทยจะได้รับประกันกรณีการเดินทางล่าช้า (Flight Delay) ตามเวลาที่ล่าช้าในวงเงินสูงสุด 20,000 บาท รวมทั้งการรับประกันความล่าช้าของสัมภาระ (Luggage Delay) หากเกิน 6 ชั่วโมงภายหลังจากผู้ถือบัตรเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทาง จะได้รับการชดเชยค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องแต่งกายที่จำเป็นสูงสุด 20,000 บาท นอกจากนี้ยังได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี สำหรับบัตรที่มียอดใช้จ่ายครบ 250,000 บาทต่อบัตรต่อปีอีกด้วย
ด้านนายวศิน วณิชย์วรนันต์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า การปรับภาพลักษณ์และเพิ่มสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิตนิติบุคคลกสิกรไทยในครั้งนี้ จะเป็นการตอบโจทย์การให้บริการแก่ลูกค้าองค์กรของธนาคารมากยิ่งขึ้น และเชื่อว่าบัตรดังกล่าวจะได้รับความสนใจจากองค์กรธุรกิจ เนื่องจากการแข่งขันทางธุรกิจที่รุนแรงในปัจจุบัน ทำให้บริษัทต่าง ๆ จำเป็นต้องสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้ามากขึ้น ซึ่งบัตรเครดิตนิติบุคคลจะเพิ่มความคล่องตัวของผู้บริหาร ในการใช้จ่ายสำหรับธุรกิจและลูกค้า ในขณะที่บริษัทก็จะสะดวกในการบริหารจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายของผู้บริหาร รวมถึงช่วยบริษัทประหยัดค่าใช้จ่ายจากการได้รับเงินคืนจากยอดใช้จ่ายผ่านบัตรได้อีกด้วย
ธนาคารกสิกรไทย มีแผนที่จะเสนอบริการบัตรเครดิตนิติบุคคลให้แก่ลูกค้าธุรกิจของธนาคาร เพื่อเพิ่มการถือครองผลิตภัณฑ์ของธนาคาร และการเป็นธนาคารหลัก (Main Bank) ของลูกค้า รวมทั้งรุกบริษัทที่ยังไม่ได้เป็นลูกค้าของธนาคาร ฯ ในการเริ่มเข้ามาใช้บริการบัตรเครดิตของธนาคาร ซึ่งจะเป็นการต่อยอดในการใช้บริการด้านอื่น ๆ ของธนาคารต่อไป โดยปัจจุบันธนาคารกสิกรไทย มีลูกค้าที่ใช้บัตรบัตรเครดิตนิติบุคคลกสิกรไทย อาทิ บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด ฯลฯ และในปีนี้ธนาคารตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรกว่า 1,000 ล้านบาท และตั้งเป้าเพิ่มจำนวนบัตรจากเดิมกว่าเท่าตัว
ขอขอบคุณข้อมูล mcot ลงวันที่ 31-3-2012 by creditonhand
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทย เตรียมรุกตลาดบัตรเครดิตนิติบุคคล (Corporate Executive Card) อีกครั้ง เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าบัตรเครดิตที่เป็นองค์กรธุรกิจ โดยบัตรดังกล่าวออกให้แก่ผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่ที่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แทนบริษัท อาทิ ค่ารับรองลูกค้า ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ฯลฯ เพื่อความคล่องตัวในการติดต่อธุรกิจที่ครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจะมีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ของบัตรให้มากขึ้น รวมทั้งปรับภาพลักษณ์บัตรเครดิตนิติบุคคลกสิกรไทยครั้งใหญ่ มีการเปลี่ยนหน้าบัตรใหม่ให้ดูเรียบหรู ภูมิฐานมากยิ่งขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับสิทธิพิเศษเหนือระดับ
ทั้งนี้ บัตรเครดิตนิติบุคคลโฉมใหม่จะเพิ่มสิทธิประโยชน์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าองค์กร ไม่ว่าจะเป็นสิทธิ์ในการรับเงินคืนเข้าบัญชีบัตรเครดิต (Cash Rebate) 0.5% จากยอดการใช้จ่าย สิทธิพิเศษในการใช้ห้องรับรองพิเศษของการบินไทย (TG Lounge) ณ สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินต่างจังหวัด ที่ จังหวัดเชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี และหากชำระค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินด้วยบัตรเครดิตนิติบุคคลกสิกรไทยจะได้รับประกันกรณีการเดินทางล่าช้า (Flight Delay) ตามเวลาที่ล่าช้าในวงเงินสูงสุด 20,000 บาท รวมทั้งการรับประกันความล่าช้าของสัมภาระ (Luggage Delay) หากเกิน 6 ชั่วโมงภายหลังจากผู้ถือบัตรเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทาง จะได้รับการชดเชยค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องแต่งกายที่จำเป็นสูงสุด 20,000 บาท นอกจากนี้ยังได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี สำหรับบัตรที่มียอดใช้จ่ายครบ 250,000 บาทต่อบัตรต่อปีอีกด้วย
ด้านนายวศิน วณิชย์วรนันต์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า การปรับภาพลักษณ์และเพิ่มสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิตนิติบุคคลกสิกรไทยในครั้งนี้ จะเป็นการตอบโจทย์การให้บริการแก่ลูกค้าองค์กรของธนาคารมากยิ่งขึ้น และเชื่อว่าบัตรดังกล่าวจะได้รับความสนใจจากองค์กรธุรกิจ เนื่องจากการแข่งขันทางธุรกิจที่รุนแรงในปัจจุบัน ทำให้บริษัทต่าง ๆ จำเป็นต้องสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้ามากขึ้น ซึ่งบัตรเครดิตนิติบุคคลจะเพิ่มความคล่องตัวของผู้บริหาร ในการใช้จ่ายสำหรับธุรกิจและลูกค้า ในขณะที่บริษัทก็จะสะดวกในการบริหารจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายของผู้บริหาร รวมถึงช่วยบริษัทประหยัดค่าใช้จ่ายจากการได้รับเงินคืนจากยอดใช้จ่ายผ่านบัตรได้อีกด้วย
ธนาคารกสิกรไทย มีแผนที่จะเสนอบริการบัตรเครดิตนิติบุคคลให้แก่ลูกค้าธุรกิจของธนาคาร เพื่อเพิ่มการถือครองผลิตภัณฑ์ของธนาคาร และการเป็นธนาคารหลัก (Main Bank) ของลูกค้า รวมทั้งรุกบริษัทที่ยังไม่ได้เป็นลูกค้าของธนาคาร ฯ ในการเริ่มเข้ามาใช้บริการบัตรเครดิตของธนาคาร ซึ่งจะเป็นการต่อยอดในการใช้บริการด้านอื่น ๆ ของธนาคารต่อไป โดยปัจจุบันธนาคารกสิกรไทย มีลูกค้าที่ใช้บัตรบัตรเครดิตนิติบุคคลกสิกรไทย อาทิ บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด ฯลฯ และในปีนี้ธนาคารตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรกว่า 1,000 ล้านบาท และตั้งเป้าเพิ่มจำนวนบัตรจากเดิมกว่าเท่าตัว
ขอขอบคุณข้อมูล mcot ลงวันที่ 31-3-2012 by creditonhand
แสนสิริ ก้าวล้ำนำคู่แข่งอีกครั้งในการมอบไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแก่ลูกบ้าน ด้วยการออกบัตรเครดิตเพื่อลูกบ้าน “ดีคอนโด” คอนโดมิเนียมระดับล้านต้นๆ ที่ให้คุณภาพชีวิตเหนือราคาแก่ผู้อยู่อาศัย เชื่อสามารถมอบสิทธิประโยชน์เด็ดในการเติมเต็มไลฟ์สไตล์คนเมืองรุ่นใหม่แบบ “คนดีคอนโด” ให้ Chic และ Cool ได้ตามฝัน พร้อมสร้างสีสันรุกแคมเปญ “อยู่ดีดี...ได้ขี่ Vespa” ดึงพระเอกสุดแนว “สตาร์บัคส์” มาร่วมดีไซน์ Vespa dcondo Limited Edition เพื่อเป็นรางวัลพิเศษแก่ผู้ถือบัตร อีกทั้งผู้ถือบัตรยังสามารถยังลุ้นรับ The New iPad และของรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย รวมมูลค่ากว่า 200,000 บาท
นายสุริยะ วรรณบุตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหารโครงการและการตลาด บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แสนสิริได้มีแนวคิดที่จะเปิดตัวบัตรเครดิต SCB Sansiri Platinum dcondo ขึ้นเพื่อต้องการสนองตอบความต้องการด้านไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตของลูกบ้านดีคอนโดซึ่งเป็นคอนมิเนียมระดับกลางที่ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 9 แสนบาทไปจนถึงราคา 1 ล้านต้นๆ อย่างรอบด้านเพื่อสนองตอบวิถีคิดแบบดีคอนโด “ทุกวันคือวันดีดี ที่ดีคอนโด” ด้วยการมอบสิทธิประโยชน์พิเศษเฉพาะลูกบ้านดีคอนโดในในเรื่องส่วนลดร้านอาหาร (Good Time), ส่วนลดพิเศษ เมื่อซื้อแพ็คเกจเสริมความงามหรือสุขภาพ (Good Looking), โปรแกรมผ่อนชำระสินค้าในหมวด gadget และอุปกรณ์ไฮเทค (Good Play), และโปรแกรมผ่อนชำระในหมวดท่องเที่ยว (Good Memories) ซึ่งจะเริ่มทยอยออกสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ถือบัตร ตั้งแต่เดือนเมษายน 2555 เป็นต้นไป
“เนื่องจากกลุ่มลูกบ้านดีคอนโดเป็นคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำงานและให้ความสำคัญกับความทันสมัย อินเทรนด์ และเกาะติดเทคโนโลยีมากเป็นพิเศษ ดังนั้น เราจึงคิดหาวิธีที่จะทำให้กลุ่มลูกค้าเหล่านี้ได้สัมผัสกับไลฟ์สไตล์ที่เค้าต้องการได้ง่ายขึ้นด้วยการสรรหาสิทธิพิเศษต่างๆ นำมาใส่ในบัตรเครดิต SCB Sansiri Platinum dcondo นอกจากนั้น ผู้ถือบัตรยังจะมีสิทธิ์ลุ้นรับ Vespa รุ่น LX125ie Urban Cool แต่งพิเศษสไตล์ดีคอนโดคันแรกและคันเดียวในประเทศไทยจากแคมเปญ “อยู่ดีดี...ได้ขี่เวสป้า” ที่ออกแบบรถโดย “สตาร์บัค - พงศ์พิชญ์ ปรีชาบริสุทธิ์กุล” พระเอกดาวรุ่งที่ฝีมือศิลปะเป็นที่ยอมรับในกลุ่มอินดี้ พร้อมยังลุ้นรับ The New iPad และของรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย รวมมูลค่ากว่า 200,000 บาท เพียงใช้จ่ายผ่านบัตรตามเงื่อนไขที่กำหนด”
คุณสุริยะ กล่าวต่อว่า แสนสิริเชื่อว่าการเปิดตัวบัตรนี้ จะทำให้กลุ่มลูกค้ามีความผูกพันธ์และเข้าใจในแบรนด์ “ดีคอนโด” ได้อย่างมีประสิทธิภาพว่า ดีคอนโดไม่ได้เป็นแค่คอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ในทำเลดีกลางแหล่งชุมชนที่เดินทางสะดวกเท่านั้น แต่ยังเป็น “ไลฟ์สไตล์ คอนโดมิเนียม” ที่มอบไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบอินเทรนด์แก่ลูกบ้านอีกด้วย เพราะ “คนดีคอนโด” คือ คนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายและรวดเร็วในการใช้ชีวิตเพื่อสนองไลฟ์สไตล์คนเมืองของตนเอง ดังนั้น เมื่อมีคนที่ช่วยให้ไลฟ์สไตล์ในฝันเค้าเป็นจริงได้ไม่ยากเหมือนอดีตก็น่าจะทำให้เค้าผูกพันกับความเป็น “ไลฟ์สไตล์ คอนโดมิเนียม” แบบดีคอนโดได้มากขึ้น
ด้านนางสาวอารยา ภู่พานิช ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า “ธนาคารเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทแสนสิริมานาน โดยเริ่มต้นจากการสนับสนุนออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้าน และเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว ก็ร่วมมือกันออกบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ แสนสิริ แพลทินัม ซึ่งถือเป็นปรากฎการณ์ของแวดวงอสังหาริมทรัพย์และธนาคาร ที่มีการออกบัตรเครดิตเพื่อตอบสนองความต้องการในการมีบ้าน และการใช้ชีวิตเป็นครั้งแรกในเมืองไทยและในครั้งนี้ ก็ถือเป็นความพิเศษที่ธนาคารและแสนสิริมอบสิ่งที่ดีที่สุดกับลูกค้าอีกครั้งหนึ่ง ด้วยการออกบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ แสนสิริ แพลทินัม ดีคอนโด สำหรับลูกค้าดีคอนโด เพื่อเติมเต็มสิทธิประโยชน์ให้แก่ลูกค้าในทุกกลุ่มเซ็กเมนต์ของแสนสิริอย่างแท้จริง
สำหรับสิทธิประโยชน์ที่ผู้ถือบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ แสนสิริ แพลทินัม ดีคอนโด จะได้รับนั้นได้แก่ ส่วนลดเงินจอง 5% พร้อมรับฟรี 50,000 คะแนน เมื่อซื้อโครงการของแสนสิริและชำระเงินจองผ่านบัตร และรับคะแนนสะสม SCB Rewards 2 เท่าของทุกยอดการใช้จ่าย 20 บาท โดยสามารถนำไปแลกรับบัตรกำนัลแทนเงินสดชำระค่างวด ค่าส่วนกลาง และ Living Rewards เพื่อรับบริการพิเศษ อาทิเช่น บริการทำความสะอาดบ้าน ล้างแอร์ ซักอบรีด และขนย้ายของ”
ขณะที่ “สตาร์บัค - พงศ์พิชญ์ ปรีชาบริสุทธิ์กุล” กล่าวถึงการได้เป็นผู้ออกแบบรถ Vespa dcondo Limited Edition ว่า “ผมในฐานะศิลปินที่จบจากคณะจิตรกรรม ศิลปากร รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติอย่างมากที่ดีคอนโดและแสนสิริมอบโอกาสในการออกแบบรถเวสป้าดีคอนโดคันแรกและคันเดียวในโลก โดยเส้นสายการออกแบบจะอยู่ในสไตล์โมเดิร์นอาร์ตที่แฝงไว้ด้วยความฮิป ทันสมัยและอารมณ์ดี ซึ่งจะเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับรถเวสป้ารุ่นใหม่สีส้ม โดยได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากแนวคิดของดีคอนโด “ทุกวันคือวันดีดี ที่ ดีคอนโด” ที่สะท้อนถึงความเป็นตัวตนที่ทันสมัยและอินเทรนด์ของลูกบ้านดีคอนโด”
ลูกบ้านดีคอนโดที่สนใจบัตรเครดิตที่สนองไลฟ์สไตล์อินเทรนด์อย่าง SCB Sansiri Platinum dcondo Card
ขอขอบคุณข้อมูล:positioningmag.com/prnews/prnews.aspx?id=94405 ลงวันที่ 24-03-2012 by creditonhand
นายสุริยะ วรรณบุตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหารโครงการและการตลาด บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แสนสิริได้มีแนวคิดที่จะเปิดตัวบัตรเครดิต SCB Sansiri Platinum dcondo ขึ้นเพื่อต้องการสนองตอบความต้องการด้านไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตของลูกบ้านดีคอนโดซึ่งเป็นคอนมิเนียมระดับกลางที่ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 9 แสนบาทไปจนถึงราคา 1 ล้านต้นๆ อย่างรอบด้านเพื่อสนองตอบวิถีคิดแบบดีคอนโด “ทุกวันคือวันดีดี ที่ดีคอนโด” ด้วยการมอบสิทธิประโยชน์พิเศษเฉพาะลูกบ้านดีคอนโดในในเรื่องส่วนลดร้านอาหาร (Good Time), ส่วนลดพิเศษ เมื่อซื้อแพ็คเกจเสริมความงามหรือสุขภาพ (Good Looking), โปรแกรมผ่อนชำระสินค้าในหมวด gadget และอุปกรณ์ไฮเทค (Good Play), และโปรแกรมผ่อนชำระในหมวดท่องเที่ยว (Good Memories) ซึ่งจะเริ่มทยอยออกสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ถือบัตร ตั้งแต่เดือนเมษายน 2555 เป็นต้นไป
“เนื่องจากกลุ่มลูกบ้านดีคอนโดเป็นคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำงานและให้ความสำคัญกับความทันสมัย อินเทรนด์ และเกาะติดเทคโนโลยีมากเป็นพิเศษ ดังนั้น เราจึงคิดหาวิธีที่จะทำให้กลุ่มลูกค้าเหล่านี้ได้สัมผัสกับไลฟ์สไตล์ที่เค้าต้องการได้ง่ายขึ้นด้วยการสรรหาสิทธิพิเศษต่างๆ นำมาใส่ในบัตรเครดิต SCB Sansiri Platinum dcondo นอกจากนั้น ผู้ถือบัตรยังจะมีสิทธิ์ลุ้นรับ Vespa รุ่น LX125ie Urban Cool แต่งพิเศษสไตล์ดีคอนโดคันแรกและคันเดียวในประเทศไทยจากแคมเปญ “อยู่ดีดี...ได้ขี่เวสป้า” ที่ออกแบบรถโดย “สตาร์บัค - พงศ์พิชญ์ ปรีชาบริสุทธิ์กุล” พระเอกดาวรุ่งที่ฝีมือศิลปะเป็นที่ยอมรับในกลุ่มอินดี้ พร้อมยังลุ้นรับ The New iPad และของรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย รวมมูลค่ากว่า 200,000 บาท เพียงใช้จ่ายผ่านบัตรตามเงื่อนไขที่กำหนด”
คุณสุริยะ กล่าวต่อว่า แสนสิริเชื่อว่าการเปิดตัวบัตรนี้ จะทำให้กลุ่มลูกค้ามีความผูกพันธ์และเข้าใจในแบรนด์ “ดีคอนโด” ได้อย่างมีประสิทธิภาพว่า ดีคอนโดไม่ได้เป็นแค่คอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ในทำเลดีกลางแหล่งชุมชนที่เดินทางสะดวกเท่านั้น แต่ยังเป็น “ไลฟ์สไตล์ คอนโดมิเนียม” ที่มอบไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบอินเทรนด์แก่ลูกบ้านอีกด้วย เพราะ “คนดีคอนโด” คือ คนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายและรวดเร็วในการใช้ชีวิตเพื่อสนองไลฟ์สไตล์คนเมืองของตนเอง ดังนั้น เมื่อมีคนที่ช่วยให้ไลฟ์สไตล์ในฝันเค้าเป็นจริงได้ไม่ยากเหมือนอดีตก็น่าจะทำให้เค้าผูกพันกับความเป็น “ไลฟ์สไตล์ คอนโดมิเนียม” แบบดีคอนโดได้มากขึ้น
ด้านนางสาวอารยา ภู่พานิช ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า “ธนาคารเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทแสนสิริมานาน โดยเริ่มต้นจากการสนับสนุนออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้าน และเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว ก็ร่วมมือกันออกบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ แสนสิริ แพลทินัม ซึ่งถือเป็นปรากฎการณ์ของแวดวงอสังหาริมทรัพย์และธนาคาร ที่มีการออกบัตรเครดิตเพื่อตอบสนองความต้องการในการมีบ้าน และการใช้ชีวิตเป็นครั้งแรกในเมืองไทยและในครั้งนี้ ก็ถือเป็นความพิเศษที่ธนาคารและแสนสิริมอบสิ่งที่ดีที่สุดกับลูกค้าอีกครั้งหนึ่ง ด้วยการออกบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ แสนสิริ แพลทินัม ดีคอนโด สำหรับลูกค้าดีคอนโด เพื่อเติมเต็มสิทธิประโยชน์ให้แก่ลูกค้าในทุกกลุ่มเซ็กเมนต์ของแสนสิริอย่างแท้จริง
สำหรับสิทธิประโยชน์ที่ผู้ถือบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ แสนสิริ แพลทินัม ดีคอนโด จะได้รับนั้นได้แก่ ส่วนลดเงินจอง 5% พร้อมรับฟรี 50,000 คะแนน เมื่อซื้อโครงการของแสนสิริและชำระเงินจองผ่านบัตร และรับคะแนนสะสม SCB Rewards 2 เท่าของทุกยอดการใช้จ่าย 20 บาท โดยสามารถนำไปแลกรับบัตรกำนัลแทนเงินสดชำระค่างวด ค่าส่วนกลาง และ Living Rewards เพื่อรับบริการพิเศษ อาทิเช่น บริการทำความสะอาดบ้าน ล้างแอร์ ซักอบรีด และขนย้ายของ”
ขณะที่ “สตาร์บัค - พงศ์พิชญ์ ปรีชาบริสุทธิ์กุล” กล่าวถึงการได้เป็นผู้ออกแบบรถ Vespa dcondo Limited Edition ว่า “ผมในฐานะศิลปินที่จบจากคณะจิตรกรรม ศิลปากร รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติอย่างมากที่ดีคอนโดและแสนสิริมอบโอกาสในการออกแบบรถเวสป้าดีคอนโดคันแรกและคันเดียวในโลก โดยเส้นสายการออกแบบจะอยู่ในสไตล์โมเดิร์นอาร์ตที่แฝงไว้ด้วยความฮิป ทันสมัยและอารมณ์ดี ซึ่งจะเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับรถเวสป้ารุ่นใหม่สีส้ม โดยได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากแนวคิดของดีคอนโด “ทุกวันคือวันดีดี ที่ ดีคอนโด” ที่สะท้อนถึงความเป็นตัวตนที่ทันสมัยและอินเทรนด์ของลูกบ้านดีคอนโด”
ลูกบ้านดีคอนโดที่สนใจบัตรเครดิตที่สนองไลฟ์สไตล์อินเทรนด์อย่าง SCB Sansiri Platinum dcondo Card
ขอขอบคุณข้อมูล:positioningmag.com/prnews/prnews.aspx?id=94405 ลงวันที่ 24-03-2012 by creditonhand
- นางอารยา ภู่พาณิชย์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายธุรกิจบัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้ธนาคารจะขยายฐานลูกค้าบัตรเครดิตในกลุ่มผู้จบการศึกษาใหม่ที่เริ่มทำงาน โดยมีรายได้ตั้งแต่ 15,000 บาท ขึ้นไป ให้เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีเป็นจำนวนมาก และเริ่มมีรายได้ก้อนแรก ประกอบกับมาตรการเพิ่มรายได้ของภาครัฐในการปรับเงินเดือนปริญญาตรีขั้นต่ำเป็น 15,000 บาท จะทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยในกลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้น โดยเชื่อว่าปีนี้ธนาคารจะสามารถเพิ่มจำนวนบัตรเครดิตใหม่ได้อีก 100,000-200,000 บัตร จากปัจจุบันที่มีผู้ถือบัตรเครดิตของธนาคารอยู่จำนวน 2 ล้านบัตร
ด้านแนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดราย หรือ เอ็นพีแอล ในปีที่ผ่านมาอยู่ระดับต่ำมากที่ ร้อยละ 0.98 ทั้งนี้ที่ผ่านมาธนาคารมีฐานลูกค้ากลุ่มผู้มีรายได้สูงเป็นหลัก เพราะมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรสูง โดยปีที่ผ่านมามียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของธนาคารสูงสุดถึง 200,000 บาทต่อบัตร ส่วนค่าเฉลี่ยที่มีการใช้จ่ายผ่านบัตรอยู่ที่ 50,000-60,000 บาทต่อราย ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดที่มียอดการใช้จ่ายอยู่ที่ 10,000 บาท โดยส่วนใหญ่จะเป็นการใช้จ่ายเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัย และซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าหลังน้ำท่วม.-
ขอขอบคุณข้อมูล:สำนักข่าวไทย ลงวันที่ 10-3-2012 by creditonhand
ด้านแนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดราย หรือ เอ็นพีแอล ในปีที่ผ่านมาอยู่ระดับต่ำมากที่ ร้อยละ 0.98 ทั้งนี้ที่ผ่านมาธนาคารมีฐานลูกค้ากลุ่มผู้มีรายได้สูงเป็นหลัก เพราะมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรสูง โดยปีที่ผ่านมามียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของธนาคารสูงสุดถึง 200,000 บาทต่อบัตร ส่วนค่าเฉลี่ยที่มีการใช้จ่ายผ่านบัตรอยู่ที่ 50,000-60,000 บาทต่อราย ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดที่มียอดการใช้จ่ายอยู่ที่ 10,000 บาท โดยส่วนใหญ่จะเป็นการใช้จ่ายเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัย และซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าหลังน้ำท่วม.-
ขอขอบคุณข้อมูล:สำนักข่าวไทย ลงวันที่ 10-3-2012 by creditonhand
KBANK จับมือกรมที่ดินรับชำระค่าธรรมเนียมด้วยบัตรเครดิต-เดบิต
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคาร ร่วมกับกรมที่ดิน เปิดตัวบริการรับชำระค่าธรรมเนียมด้วยบัตรเครดิตและบัตรเดบิตผ่านเครื่องรับบัตรอัตโนมัติของธนาคารกสิกรไทย ที่สามารถรองรับการชำระผ่านบัตรเครดิตและเดบิตของทุกธนาคาร ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกไม่ต้องใช้เงินสด และประหยัดเวลาให้กับประชาชนผู้ใช้บริการ
พร้อมรับสิทธิพิเศษ 3 ต่อ สำหรับการชำระค่าธรรมเนียมด้วยบัตรเครดิตกสิกรไทย ซึ่งปัจจุบันมีผู้ถือบัตรกว่า 2 ล้านบัตร โดยทุกๆ 25 บาทจากยอดชำระค่าธรรมเนียมจะได้รับคะแนนสะสม KBank Reward Point จำนวน 1 คะแนน และสามารถผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิต 10 เดือน โดยไม่เสียค่าดอกเบี้ยผ่อนชำระสำหรับระยะเวลา 3 เดือนแรก พร้อมกับสามารถนำคะแนนสะสมชำระค่าธรรมเนียมแทนเงินสดเท่ากับมูลค่าของ ค่าธรรมเนียมที่ได้ชำระ โดยทุก 1,000 คะแนนเท่ากับ 110 บาท ซึ่งจะเปิดให้บริการตั้งแต่ วันที่ 1 มีนาคม 2555
ที่ผ่านมาธนาคารและกรมที่ดิน ได้ร่วมกันพัฒนาระบบการให้บริการชำค่าธรรมเนียมแก่ประชาชนอย่างต่อ เนื่อง ผ่านเครื่องเอทีเอ็ม อินเตอร์เน็ต ตลอดจนถึงนวัตกรรมการรับชำระผ่านบัตรธุรกิจกสิกรไทย หรือ K-Corporate Payment Card ซึ่งนับได้ว่าเป็นบริการรับชำระค่าธรรมเนียม ณ สำนักงานที่ดินที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ กว่า 120 บริษัท มีผู้ถือบัตรจำนวน 650 ใบ และมีมูลค่าการใช้จ่ายผ่านบัตรมากกว่า 1,500 ล้านบาทต่อปี
ที่มา : ryt9 ลงวันที่ 25/2/2555 By CreditOnHand
พร้อมรับสิทธิพิเศษ 3 ต่อ สำหรับการชำระค่าธรรมเนียมด้วยบัตรเครดิตกสิกรไทย ซึ่งปัจจุบันมีผู้ถือบัตรกว่า 2 ล้านบัตร โดยทุกๆ 25 บาทจากยอดชำระค่าธรรมเนียมจะได้รับคะแนนสะสม KBank Reward Point จำนวน 1 คะแนน และสามารถผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิต 10 เดือน โดยไม่เสียค่าดอกเบี้ยผ่อนชำระสำหรับระยะเวลา 3 เดือนแรก พร้อมกับสามารถนำคะแนนสะสมชำระค่าธรรมเนียมแทนเงินสดเท่ากับมูลค่าของ ค่าธรรมเนียมที่ได้ชำระ โดยทุก 1,000 คะแนนเท่ากับ 110 บาท ซึ่งจะเปิดให้บริการตั้งแต่ วันที่ 1 มีนาคม 2555
ที่ผ่านมาธนาคารและกรมที่ดิน ได้ร่วมกันพัฒนาระบบการให้บริการชำค่าธรรมเนียมแก่ประชาชนอย่างต่อ เนื่อง ผ่านเครื่องเอทีเอ็ม อินเตอร์เน็ต ตลอดจนถึงนวัตกรรมการรับชำระผ่านบัตรธุรกิจกสิกรไทย หรือ K-Corporate Payment Card ซึ่งนับได้ว่าเป็นบริการรับชำระค่าธรรมเนียม ณ สำนักงานที่ดินที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ กว่า 120 บริษัท มีผู้ถือบัตรจำนวน 650 ใบ และมีมูลค่าการใช้จ่ายผ่านบัตรมากกว่า 1,500 ล้านบาทต่อปี
ที่มา : ryt9 ลงวันที่ 25/2/2555 By CreditOnHand
อุดรฯเลื่อนนำร่องแจกบัตรเครดิตชาวนา
จากกรณีที่รัฐบาลสั่งการให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หรือ ธ.ก.ส.นำร่องบัตรสินเชื่อเกษตรกร หรือบัตรเครดิตชาวนา 5 จังหวัด คือ เชียงใหม่ อุดรธานี อยุธยา ลพบุรี และสระบุรี ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยเกษตรกรจะกู้ได้ 2-3 หมื่นบาทต่อรายในการซื้อปุ๋ย-ยาฆ่าแมลง เพื่อใช้ในการทำการเกษตร โดยกำหนดคุณสมบัติเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจะต้องไม่มีหนี้ค้างกับ ธ.ก.ส. ส่วนที่มีการพักชำระหนี้ในช่วงก่อนหน้าต้องรอให้ปรับโครงสร้างหนี้แล้วเสร็จ จึงจะสามารถเข้าโครงการบัตรเครดิตชาวนาได้นั้น
ในส่วนของ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็น 1 ใน 5 จังหวัดนำร่องโครงการฯ นายธรรมรัตน์ ยศเมฆ ผช.ผอ.สนง.ธ.ก.ส.อุดรธานี เปิดเผยว่า ความพร้อมในการดำเนินการเรื่องบัตรสินเชื่อเกษตรกร ในช่วงแรกจะเป็นการทดลองระบบ ซึ่งที่ จ.อุดรธานี จะดำเนินการใน 2 สาขา คือ สาขาอุดรธานี และ สาขาบ้านดุง โดยทางสำนักงานใหญ่ ให้ทางอุดรธานีดำเนินการสาขาละ 500 บัตร หรือ เกษตรกร 500 ราย แต่เรามีรายชื่อเกษตรกร 1,203 บัตร ซึ่งอยู่ในขั้นตอนส่งรายชื่อให้สำนักงานใหญ่พิจารณาออกบัตร เพื่อส่งมอบให้เกษตรกรต่อไป เดิมคาดว่าภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะสามารถจัดส่งบัตรฯมาให้ พร้อมติดตั้งเครื่องที่จะใช้งานในระยะทดลอง พอดำเนินการได้เรียบร้อยไม่มีปัญหา จึงจะขยายโครงการไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ
“แต่ขณะนี้ภาพรวมของ ธ.ก.ส.ได้มีการเลื่อนเปิดโครงการนำร่องออกไป เนื่องจากเดิมจะส่งมอบบัตรให้กับสาขาที่ดำเนินการ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ แต่เราได้รับแจ้งจากทางสำนักงานใหญ่ว่า ให้เลื่อนโครงการออกไปก่อน โดยไม่ได้แจ้งให้เราว่า เพราะสาเหตุใด และบอกว่าจะแจ้งกลับมาให้ทราบอีกครั้ง ในการกำหนดวันเปิดตัวโครงการ เพื่อจะใช้บัตรสินเชื่อเกษตรกรตัวนี้”นายธรรมรัตน์กล่าว
นายธรรมรัตน์ฯ กล่าวว่า ทางอุดรธานีมีความพร้อมในการดำเนินการ โดยมีการจัดอบรมในส่วนของพนักงานที่รับผิดชอบของทั้ง 17 สาขา รวมถึงในส่วนของร้านค้าที่จะเข้าโครงการ ในเบื้องต้นจะใช้สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาด ซึ่งเป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส.นำร่องก่อน โดยพร้อมที่จะติดตั้งเครื่องมือในการรูดบัตรที่ ธ.ก.ส.ทุกสาขา และร้านค้าท้องถิ่นในแต่ละอำเภอ อย่างน้อยอำเภอละ 1 ร้าน ทั่วประเทศ เพราะเครื่องที่ใช้ ขณะนี้มีเพียง 3,000 เครื่อง เท่านั้น ซึ่งเมื่อทดสอบระบบเสร็จ ก็จะเป็นขั้นตอนการขยายโครงการไปทั่วประเทศโดยเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวก่อน ส่วนพืชอื่นก็จะเป็นระยะต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.อุดรธานี ในวันที่ 21-22 กุมภาพันธ์ นี้ ทาง ธ.ก.ส.อุดรธานี ได้เตรียมข้อมูลชี้แจงไว้หรือไม่ หากที่ประชุม ครม.มีการสอบถาม นายธรรมรัตน์ฯ ตอบว่า พร้อมที่จะรายงานในส่วนที่ได้ดำเนินการไปแล้วในฐานะเป็น 1 ใน 5 จังหวัดนำร่องของโครงการ พร้อมจะรายงานกับคณะรัฐมนตรีในทุกเรื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า แหล่งข่าวใน ธ.ก.ส.อุดรธานี ให้ข้อมูลว่า การที่ ธ.ก.ส.ต้องเลื่อนโครงการบัตรเครดิตชาวนาออกไป เนื่องจากบริษัทฯ รับทำบัตรกว่า 2 ล้าน ใบ ได้สั่งทำที่ประเทศเกาหลี แต่ยังทำบัตรไม่เสร็จ และยังไม่ได้ส่งมา จึงทำให้ไม่มีบัตรมาดำเนินโครงการ จึงทำให้ต้องเลื่อนระยะเวลาเปิดโครงการออกไป
ขอบคุณที่มา : suthichaiyoon.com/detail/22355
ในส่วนของ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็น 1 ใน 5 จังหวัดนำร่องโครงการฯ นายธรรมรัตน์ ยศเมฆ ผช.ผอ.สนง.ธ.ก.ส.อุดรธานี เปิดเผยว่า ความพร้อมในการดำเนินการเรื่องบัตรสินเชื่อเกษตรกร ในช่วงแรกจะเป็นการทดลองระบบ ซึ่งที่ จ.อุดรธานี จะดำเนินการใน 2 สาขา คือ สาขาอุดรธานี และ สาขาบ้านดุง โดยทางสำนักงานใหญ่ ให้ทางอุดรธานีดำเนินการสาขาละ 500 บัตร หรือ เกษตรกร 500 ราย แต่เรามีรายชื่อเกษตรกร 1,203 บัตร ซึ่งอยู่ในขั้นตอนส่งรายชื่อให้สำนักงานใหญ่พิจารณาออกบัตร เพื่อส่งมอบให้เกษตรกรต่อไป เดิมคาดว่าภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะสามารถจัดส่งบัตรฯมาให้ พร้อมติดตั้งเครื่องที่จะใช้งานในระยะทดลอง พอดำเนินการได้เรียบร้อยไม่มีปัญหา จึงจะขยายโครงการไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ
“แต่ขณะนี้ภาพรวมของ ธ.ก.ส.ได้มีการเลื่อนเปิดโครงการนำร่องออกไป เนื่องจากเดิมจะส่งมอบบัตรให้กับสาขาที่ดำเนินการ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ แต่เราได้รับแจ้งจากทางสำนักงานใหญ่ว่า ให้เลื่อนโครงการออกไปก่อน โดยไม่ได้แจ้งให้เราว่า เพราะสาเหตุใด และบอกว่าจะแจ้งกลับมาให้ทราบอีกครั้ง ในการกำหนดวันเปิดตัวโครงการ เพื่อจะใช้บัตรสินเชื่อเกษตรกรตัวนี้”นายธรรมรัตน์กล่าว
นายธรรมรัตน์ฯ กล่าวว่า ทางอุดรธานีมีความพร้อมในการดำเนินการ โดยมีการจัดอบรมในส่วนของพนักงานที่รับผิดชอบของทั้ง 17 สาขา รวมถึงในส่วนของร้านค้าที่จะเข้าโครงการ ในเบื้องต้นจะใช้สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาด ซึ่งเป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส.นำร่องก่อน โดยพร้อมที่จะติดตั้งเครื่องมือในการรูดบัตรที่ ธ.ก.ส.ทุกสาขา และร้านค้าท้องถิ่นในแต่ละอำเภอ อย่างน้อยอำเภอละ 1 ร้าน ทั่วประเทศ เพราะเครื่องที่ใช้ ขณะนี้มีเพียง 3,000 เครื่อง เท่านั้น ซึ่งเมื่อทดสอบระบบเสร็จ ก็จะเป็นขั้นตอนการขยายโครงการไปทั่วประเทศโดยเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวก่อน ส่วนพืชอื่นก็จะเป็นระยะต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.อุดรธานี ในวันที่ 21-22 กุมภาพันธ์ นี้ ทาง ธ.ก.ส.อุดรธานี ได้เตรียมข้อมูลชี้แจงไว้หรือไม่ หากที่ประชุม ครม.มีการสอบถาม นายธรรมรัตน์ฯ ตอบว่า พร้อมที่จะรายงานในส่วนที่ได้ดำเนินการไปแล้วในฐานะเป็น 1 ใน 5 จังหวัดนำร่องของโครงการ พร้อมจะรายงานกับคณะรัฐมนตรีในทุกเรื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า แหล่งข่าวใน ธ.ก.ส.อุดรธานี ให้ข้อมูลว่า การที่ ธ.ก.ส.ต้องเลื่อนโครงการบัตรเครดิตชาวนาออกไป เนื่องจากบริษัทฯ รับทำบัตรกว่า 2 ล้าน ใบ ได้สั่งทำที่ประเทศเกาหลี แต่ยังทำบัตรไม่เสร็จ และยังไม่ได้ส่งมา จึงทำให้ไม่มีบัตรมาดำเนินโครงการ จึงทำให้ต้องเลื่อนระยะเวลาเปิดโครงการออกไป
ขอบคุณที่มา : suthichaiyoon.com/detail/22355
กรุงศรีออโต้จัดเต็ม สินเชื่อบิ๊กไบค์
กรุงเทพฯ - กรุงศรี ออโต้ ผู้นำสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร โดย นายกฤษฎา โชติวัธนกุล (ซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดรถจักรยานยนต์ กรุงศรี ออโต้ หรือ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) เอาใจสิงห์นักบิดผู้มีใจรักรถบิ๊กไบค์มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่สมัครสิน เชื่อรถจักรยานยนต์ “กรุงศรี มอเตอร์ไซด์” ในงาน “Bangkok Motorbike Festival 2012” งานแสดงรถมอเตอร์ไซค์ที่ยิ่งใหญ่ ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยลูกค้าสามารถออกรถบิ๊กไบค์ได้ง่ายๆ สบายๆ ด้วยดาวน์เริ่มต้นเพียง 10% และไม่ต้องใช้ผู้ค้ำ พร้อมรับฟรี! บัตรเติมน้ำมันมูลค่าสูงสุด 2,000 บาท ในวันที่รับรถ พบกับสินเชื่อสุดพิเศษ ได้ที่บูธ “กรุงศรี ออโต้ Z1- Z4” ตั้งแต่วันนี้ถึง 5 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ลานด้านหน้าเซ็นทรัลเวิลด์กรุงศรี มอเตอร์ไซค์ พร้อมให้บริการคลอบคลุมพื้นที่ทั่วไทย
ขอบคุณที่มา : thannews.th.com/index.php?option=com_content&view=article&id=105505:2012-02-02-04-22-49&catid=171:pr&Itemid=512
ขอบคุณที่มา : thannews.th.com/index.php?option=com_content&view=article&id=105505:2012-02-02-04-22-49&catid=171:pr&Itemid=512
_
บัตรเครดิตไทยพาณิชย์ แจกโชค "ช้อป กิน เที่ยว" ฉลองตรุษจีน
_
บัตรเครดิตไทยพาณิชย์ฉลองเทศกาลตรุษจีน
มอบโชคทุกการใช้จ่ายทั้ง “ช้อป กิน เที่ยว” ให้สมาชิกที่ใช้จ่ายผ่านบัตร
ทั้งช้อปปิ้งในห้างสรรพสินค้าที่ร่วมรายการรับประทานอาหารทุกร้านทั่วโลก
และซื้อแพ็คเกจท่องเที่ยวรับสิทธิพิเศษมากมาย
ได้แก่ คะแนนสะสมเพิ่มสูงสุด 12 เท่าเมื่อใช้จ่ายที่ร้านอาหารทั่วโลก
และส่วนลดสูงสุด 50% ณร้านอาหารที่ร่วมรายการ
และสำหรับแพ็คเกจท่องเที่ยวสามารถผ่อนสบายนานสูงสุด 10 เดือน
พิเศษสุดเฉพาะวันที่ 23 ม.ค.นี้ รับทันทีสร้อยคอทองคำน้ำหนักรวม 45 บาท สำหรับ 180
ท่านแรก
ที่ช้อปครบตามเงื่อนไขและแสดงเซลล์สลิปการใช้จ่าย
ณ สาขาของห้างที่ร่วมรายการ
_การแบ่งประเภทสินเชื่อตามผู้ให้สินเชื่อ
1 บุคคลเป็นผู้ให้ เช่น การให้กู้ยืมในหมู่คนรู้จัก, ญาติพี่น้อง หรือการปล่อยกู้นอกระบบ เป็นต้น
2 สถาบันการเงินเป็นผู้ให้ ซึ่งสถาบันการเงินก็มีหลายประเภทและอาจตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ดังนั้น เงื่อนไขและประเภทของวัตถุประสงค์ของการให้สินเชื่อก็อาจแตกต่างกันไป สถาบันการเงินเหล่านี้ ยกตัวอย่าง เช่น ธนาคารพาณิชย์, ธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออก, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์, ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย, ธนาคารอิสลามและสหกรณ์ออมทรัพย์ เป็นต้น
3 หน่วยงานอื่น ๆ เป็นผู้ให้ เช่น มูลนิธิองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร, หน่วยงานการกุศล และกองทุนต่าง ๆ ทั้งของภาครัฐและเอกชน เป็นต้น
1 บุคคลเป็นผู้ให้ เช่น การให้กู้ยืมในหมู่คนรู้จัก, ญาติพี่น้อง หรือการปล่อยกู้นอกระบบ เป็นต้น
2 สถาบันการเงินเป็นผู้ให้ ซึ่งสถาบันการเงินก็มีหลายประเภทและอาจตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ดังนั้น เงื่อนไขและประเภทของวัตถุประสงค์ของการให้สินเชื่อก็อาจแตกต่างกันไป สถาบันการเงินเหล่านี้ ยกตัวอย่าง เช่น ธนาคารพาณิชย์, ธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออก, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์, ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย, ธนาคารอิสลามและสหกรณ์ออมทรัพย์ เป็นต้น
3 หน่วยงานอื่น ๆ เป็นผู้ให้ เช่น มูลนิธิองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร, หน่วยงานการกุศล และกองทุนต่าง ๆ ทั้งของภาครัฐและเอกชน เป็นต้น
ข้อมูลเครดิตของบุคคลธรรมดา
_ข้อมูลเครดิตของบุคคลธรรมดาที่
เคยใช้บริการ สินเชื่อ กับสถาบันการเงินต่างๆ
จะถูกส่งโดยสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้มาเก็บรวบรวมอยู่กับทางเครดิตบูโร
และจะมีการปรับปรุง(อัพเดท)ข้อมูลเครดิตอยู่เป็นระยะๆ
เพื่อประโยชน์ในการใช้ข้อมูลเหล่านี้เป็นศูนย์กลางข้อมูลเครดิตเพื่อพิจารณา
อนุมัติสินเชื่อโดยสถาบันการเงินนั้นๆ
หากคุณเคยมีหนี้สินกับทางสถาบันการเงิน
ประวัติการชำระหนี้สินรวมทั้งรายละเอียดจะถูกส่งมาเก็บรวบรวมที่เครดิตบู
โร(ศูนย์ข้อมูลเครดิต) ไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นหนี้เสียจะถูกบันทึกไว้เช่นกัน
ในเวลาต่อมาถ้าคุณสามารถจ่ายชำระหนี้สินได้หมดแล้ว
สถาบันการเงินที่เคยเป็นเจ้าหนี้ของคุณมีหน้าที่ส่งข้อมูล(การหมดหนี้)ของ
คุณไปปรับปรุงให้ถูกต้องตามความเป็นจริงที่เครดิตบูโรเพื่อความถูกต้องของ
ข้อมูลเครดิต
ประโยชน์และปัญหาสมัครบัตรเครดิต
มีเรื่องเล่าขานกันมาว่า เมื่อหลายปีมาแล้ว
ฝรั่งนายหนึ่งพาแขกไปเลี้ยงรับรองโดยรับประทานอาหารค่ำร่วมกันที่ภัตตาคาร
หลังจากสรวลเสเฮฮา อิ่มหมีพีมันกับอาหาร มื้อค่ำแล้ว
ก็ถึงเวลาเรียกบริกรมาคิดเงินค่าอาหาร
ตามเรื่องเล่ากันมาไม่ได้บอกว่าผู้ร่วมโต๊ะอาหารได้ทยอยขอตัวไปห้องน้ำ ไปโทรศัพท์
หรือไปทำกิจธุระอื่น ตามวิธีการของผู้นิยมบริโภคโดยไม่ชอบจ่ายสตางค์หรือไม่
แต่ที่แน่ ๆ ผู้เป็นเจ้าภาพถึงกับเหงื่อแตก เมื่อรู้ตัวว่ามีเงินไม่พอชำระค่าอาหาร
ซึ่งเป็นวิกฤตการณ์เล็กๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้มีหน้าที่ชำระเงิน
เป็นปัญหาและเป็นการแปรวิกฤติเป็นโอกาส
เพราะทำให้เกิดแนวความคิดในการใช้เครื่องมือหรือสื่อกลางอย่างอื่นในการชำระหนี้แทนการชำระด้วยเงิน
ซึ่งเป็นที่มาของบัตรเครดิต โดยมีการตั้งชื่อยี่ห้อบัตรเครดิตให้สอดคล้องกับคำว่า
“อาหารค่ำ”
ในภาษาอังกฤษด้วยสิ่งที่มนุษย์คิดค้นขึ้นมาใช้ในการชำระค่าซื้อสินค้าและบริการมีมาแต่โบราณกาลแล้ว
โดยเริ่มจากการใช้วิธีการแลกเปลี่ยนสิ่งของกัน ใช้ของมีค่า เช่น เบี้ย
แร่โลหะที่มีค่า เช่น เงิน ทองคำ
และพัฒนาต่อมาจนเป็นเหรียญกษาปณ์และธนบัตรในปัจจุบัน เป็นสื่อกลางในการชำระหนี้
และยังมีการพัฒนาต่อไปอีกเป็นการใช้บัตรเครดิต และก้าวหน้าต่อไปจนถึงการใช้
อี-คอมเมิร์ช ซึ่งเพียงแค่ใช้นิ้วกดปุ่มบนแป้นพิมพ์เครื่องคอมพิวเตอร์
ก็สามารถซื้อสินค้าหรือบริการ
พร้อมทั้งชำระเงินกับผู้ขายที่อยู่ห่างไกลกันได้แล้วสำหรับบัตรเครดิตหรือที่เรียกกันว่าเงินพลาสติก
เป็นบัตรที่ผู้ให้บริการบัตรเครดิตหรือสถาบันการเงิน เช่น ธนาคาร
ออกให้แก่ลูกค้าผู้ขอใช้บัตรเครดิต
โดยลูกค้าจะต้องชำระค่าธรรมเนียมในการขอบัตรเครดิต
และค่าธรรมเนียมในการใช้บัตรเครดิตเป็นรายปี แต่ในภาวะที่มีการแข่งขันกันสูง
ผู้ให้บริการบัตรเครดิตจะยกเว้นค่าธรรมเนียมต่างๆ ดังกล่าวให้กับลูกค้า
เมื่อลูกค้าได้รับบัตรเครดิตมาแล้วก็สามารถนำบัตรไปซื้อสินค้าหรือบริการตามร้านค้าต่าง
ๆ ที่ได้ทำความตกลงยอมรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตไว้กับผู้ให้บริการบัตรเครดิต
ซึ่งร้านค้าเหล่านี้จะมีเครื่องหมายแสดงการยอมรับบัตรเครดิตติดไว้ให้เห็น
เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกวิธีการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตได้
ในกรณีที่ลูกค้าต้องการชำระราคาด้วยบัตรเครดิต ก็จะต้องมอบบัตรเครดิตนั้นให้กับร้านค้าไปทำรายการตามที่เราเรียกกันว่า “ รูดบัตร ” ซึ่งจะมีเอกสารที่เกิดจากการรูดบัตรที่เรียกกันว่า “ เซลส์สลิป ” ให้ลูกค้าเซ็นชื่อ หลังจากนั้นร้านค้าจะนำ “ เซลส์สลิป ” ไปขอรับเงินจากผู้ให้บริการบัตรเครดิต ซึ่งในปัจจุบันวิธีดังกล่าวได้พัฒนาไปใช้ระบบอิเลคทรอนิค ที่ส่งรายการเรียกเก็บเงินดังกล่าวทางคอมพิวเตอร์แทนการส่งเอกสารที่เป็นเซลส์สลิป
เมื่อผู้ให้บริการบัตรเครดิตจ่ายเงินให้กับร้านค้าแล้ว ก็จะมาเรียกเก็บเงินจากลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตอีกทอดหนึ่ง
วิธีใช้บัตรเครดิตดังกล่าว นับว่าสะดวกสบายเพราะผู้ใช้ไม่ต้องพกเงินสดติดตัว เพียงแค่มีบัตรเครดิตใบเดียวก็สามารถจับจ่าย
ใช้สอยได้ในวงเงินตามที่ได้มีการตกลงกันไว้ นอกจากนี้ผู้ใช้บัตรเครดิตยังได้ประโยชน์จากระยะเวลาในการชำระเงิน ซึ่งกว่าจะ ชำระเงินจริงแก่ผู้ให้บริการบัตรเครดิตก็เป็นเวลาอีกหลายวันหลังจากที่มีการซื้อสินค้าหรือบริการแล้ว หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง แต่การใช้บัตรเครดิตนี้ก็อาจทำให้ผู้ใช้เพลิดเพลินกับการจับจ่ายใช้สอยจนเกินตัว โดยลืมคิดไปว่าอาจจะมีปัญหาในการจ่ายเงินให้กับผู้ให้บริการบัตรเครดิตที่มาเรียกเก็บเงินในภายหลัง หากลูกค้ามีข้อขัดข้องไม่สามารถจ่ายเงินตามเวลาที่กำหนด คราวนี้แหละปัญหากฎหมายจะตามมา เริ่มตั้งแต่การที่จะต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ซึ่งแต่เดิมผู้ให้บริการบัตรเครดิตสามารถที่จะเรียกดอกเบี้ยจากลูกค้าที่ไม่ชำระเงินตามกำหนดในอัตราดอกเบี้ยเท่าไรก็ได้ มีบางแห่งเคยกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ถึง 35 เปอร์เซ็นต์ต่อปี แต่ในปัจจุบันนี้อัตราดอกเบี้ยได้มีการควบคุมให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคบ้างแล้ว แต่ก็ยังถือว่าอัตราดอกเบี้ยของบัครเครดิตยังสูงมาก เมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร
นอกจากนี้ลูกค้ายังอาจต้องชำระค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก เช่น ค่าติดตามทวงถาม ในกรณีถึงขั้นต้องฟ้องร้องกันในศาล ก็จะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีเพิ่มเข้ามาอีกด้วย
การดำเนินคดีในศาล ลูกค้าซึ่งเปลี่ยนฐานะมาเป็นจำเลยมักมีข้อต่อสู้คดีว่า จำเลยไม่ได้ใช้บัตรเครดิตในการซื้อสินค้าและบริการ จึงไม่ได้เป็นหนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ให้บริการบัตรเครดิตที่เปลี่ยนฐานะมาเป็นโจทก์ ต้องมาพิสูจน์การใช้บัตรเครดิตของจำเลยว่ามีการใช้บัตรเครดิตจริง และจำเลยเป็นหนี้ตามจำนวนเงินที่ฟ้องร้องกันจริง นอกจากนี้ยังมีข้อต่อสู้ในเรื่องอัตราดอกเบี้ยว่า โจทก์เรียกอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินไป ซึ่งหากศาลเห็นด้วยกับข้อต่อสู้ของจำเลยก็จะมีคำวินิจฉัยให้ยกฟ้องหรือลดอัตราดอกเบี้ยลง เหลืออัตราที่เป็นธรรมกับโจทก์และจำเลย
ข้อต่อสู้ยอดฮิตของจำเลยอีกประการหนึ่ง คือเรื่อง “ อายุความ ” ข้อพิจารณาเรื่องนี้คือ ในกรณีที่หนี้สินเกิดจากการใช้บัตรเครดิตที่ผู้ให้บริการบัตรเครดิตเรียกให้ลูกค้าชำระเงินจะมีอายุความ 2 ปี เริ่มนับตั้งแต่วันถึงกำหนดที่ลูกค้าต้องชำระเงินตามที่เรียกเก็บ หากปรากฏว่าไม่ได้มีการชำระเงินจนล่วงเลยเวลาสองปีแล้ว เจ้าหนี้นำคดีมาฟ้อง ถ้าลูกหนี้หยิบยกเรื่องหนี้ขาดอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ศาลจะมีคำพิพากษายกฟ้อง แต่ถ้าการใช้บัตรเครดิตรายใดมีข้อตกลงให้เรียกเก็บเงินโดยการหักเงินจากบัญชีกระแสรายวัน ซึ่งเป็นข้อตกลงบัญชีเดินสะพัดที่ลูกค้ามีอยู่กับธนาคาร ในกรณีนี้จะเห็นได้ว่าผู้ให้บริการบัตรเครดิตได้รับชำระเงินจากลูกค้าด้วยวิธีหักเงินของลูกค้าในบัญชีเดินสะพัด ซึ่งลูกค้าจะกลายมาเป็นลูกหนี้ในบัญชีเดินสะพัดของธนาคาร ถ้าไม่มีการชำระหนี้ ธนาคารอาจฟ้องร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ตามสัญญาบัญชีเดินสะพัด กรณีนี้จะมีอายุความ 10 ปี โดยเริ่มนับอายุความตั้งแต่วันครบกำหนดชำระหนี้ ถ้าเจ้าหนี้ฟ้องคดีภายใน 10 ปีก็เป็นอันว่าคดีนั้นไม่ขาดอายุความ สมัครบัััััตรเครดิต
ผู้บริโภคมีข้อควรระวังเกี่ยวกับบัตรเครดิต คือ
1. การขอใช้บัตรเครดิตในขณะนี้ทำได้ง่ายมาก เพียงแต่ส่งใบสมัครทางไปรษณีย์พร้อมเอกสารประจำตัว คือสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาบัญชีเงินฝาก เมื่อผู้ให้บริการบัตรเครดิตอนุมัติก็จะส่งบัตรเครดิตมาให้ผู้ขอทางไปรษณีย์เช่นเดียวกัน โดยที่ทั้งสองฝ่ายไม่ต้องพบหน้าค่าตากันแต่อย่างไร เป็นช่องทางให้ผู้ทุจริตลักลอบนำเอกสารประกอบคำขอดังกล่าวของคนอื่นไปใช้ขอบัตรเครดิตได้ จึงเป็นข้อสังเกตให้พึงระวังว่าต้องเก็บรักษาเอกสารสำคัญไว้ให้ดี
2. ในกรณีที่ต้องการขอใช้บัตรเครดิต เวลากรอกใบสมัครฯ หากมีบริการเสริมส่วนใดที่ไม่ต้องการใช้ ต้องขีดคร่อมข้อความหรือช่องว่างที่ให้กรอกข้อความทิ้ง เช่น การขอให้คนอื่นมีสิทธิใช้บัตรเสริมคู่กับบัตรหลักของเรา, การขอเบิกถอนเงินสดอัตโนมัติ ฯลฯ เป็นการปิดช่องทางที่อาจเกิดการทุจริต
3. เมื่อบัตรเครดิตสูญหายหรือถูกขโมยไป ผู้ใช้บัตรเครดิตยังคงต้องรับผิดชอบต่อรายการใช้บัตรเครดิตที่เกิดขึ้น จนกว่าจะได้แจ้งผู้ให้บริการบัตรเครดิตทราบถึงการที่บัตรสูญหายแล้ว จึงควรจะจดจำหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ให้บริการบัตรเครดิตไว้ เมื่อเกิดกรณีบัตรสูญหายจะต้องโทรศัพท์แจ้งระงับการใช้บัตรทันที หลังจากนั้นต้องหาวิธีแจ้งบัตรสูญหายให้มีหลักฐานการแจ้งไว้ด้วย เช่น แจ้งเป็นหนังสือส่งถึงผู้ให้บริการบัตรเครดิตโดยเก็บหลักฐานการส่งเพื่อใช้อ้างอิงต่อไป
4. ระมัดระวังการค้างชำระหนี้อย่าให้กลายเป็นหนี้เสีย เพราะข้อมูลเครดิตจะถูกส่งไปเก็บไว้ที่ศูนย์ประมวลข้อมูลเครดิต หากในโอกาสหน้าที่ต้องทำกิจการเกี่ยวข้องกับการเงิน ก็อาจถูกตรวจสอบพบข้อมูลหนี้เสียใน “ บัญชีดำ ” ได้
บัตรเครดิตจึงมีทั้งประโยชน์และอาจมีทั้งปัญหากับผู้ใช้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความระมัดการเก็บรักษาบัตรเครดิต การวางแผนใช้จ่ายอย่างรอบคอบ และถ้าหากมีปัญหาหนี้สินที่ไม่สามารถใช้หนี้คืนให้กับเจ้าหนี้ได้แล้วก็จะเป็นปัญหาที่ติดตัวไปในระยะยาวได้
บัตรเครดิต สามารถจำแนกได้หลายประเภท หากจำแนกตามขอบเขตของการใช้บัตร
สามารถจำแนกได้เป็น 3 ประเภท คือ 1.บัตรเครดิตที่สามารถใชได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ (International Credit Card) เช่น บัตรเครดิต VISA บัตร Master บัตร Dinerัs Club และบัตร American Express เป็นต้น 2.บัตรเครดิต ที่ใช้ได้เฉพาะภายในประเทศ (Local Credit Card) เช่น บัตรเครดิตธนาคาร กรุงศรีอยุธยา ประเภทสุดท้าย คือ บัตรเครดิตที่ใช้เฉพาะร้านค้า (Store Card หรือ Private Label) ได้แก่ บัตรเครดิตเซ็นทรัล บัตรเครดิตเพาเวอร์บาย บัตรเครดิตเทสโก้โลตัส เป็นต้น
นอกจากนี้ บัตรเครดิตยังนิยมจำแนก ลักษณะได้อีกบางประเภท ดังนี้ Charge Card ได้แก่ บัตรเครดิตประเภทที่ผู้ถือบัตรจะต้องชำระยอดหนี้สินให้เสร็จสิ้นไปภายในระยะเวลาอันสั้นที่กำหนดไว้ ซึ่งโดยปกติได้แก่ 1 เดือน บัตรเครดิตประเภทนี้มีจุดประสงค์ในการใช้สอยเพื่อชำระค่าบริการการเดินทางและท่องเที่ยวพักผ่อน (Travel and Entertainment Card) เป็นสาคัญ
บัตรประเภทนี้มักไม่ค่อยจำกัดวงเงิน ค่าใช้จ่ายล่วงหน้า กลุ่มเป้าหมายคือนักบริหารหรือบุคคลผู้มีฐานะทางการเงินดี ที่ต้องเดินทางหรือต้องเลี้ยงรับรองแขกอยู่เป็นประจำ บัตรเครดิตประเภทนี้ ได้แก่ บัตร Dinerัs Club และบัตร American Express Card (AMEX)
Credit Card หรือ Bank Card เป็นบัตรเครดิตที่มักออกโดยสถาบันการเงินออกร่วมกับสถาบันบัตรเครดิตต่างประเทศ (International Credit Card) หรือสถาบันการเงินออกบัตรเครดิตเป็นของตนเอง (Local Credit Card) บัตรเครดิตนี้ นอกจากมีลักษณะการชำระเช่น เดียวกับ Charge Card คือต้องชำระยอด หนี้สินให้เสร็จสิ้นไปภายในระยะเวลาอันสั้นที่กำหนดไว้
ซึ่งโดยปกติ ได้แก่ 1 เดือนโดยไม่เสียดอกเบี้ย ผู้ถือบัตรยังสามารถเลือกชำระเงินคืนแต่เพียงบางส่วนได้ด้วยการใช้สินเชื่อหมุนเวียน (Revolving Credit) โดยเสียดอกเบี้ยด้วยก็ได้ ในกรณีนี้ยอดค้างชำระของบัตรเครดิตจะแปลงสภาพเป็นเงินกู้ที่ต้องผ่อนชำระเป็นรายงวด อันเป็นช่องทางเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ออกบัตรอีกทางหนึ่ง
และอีกด้านหนึ่งเป็นการเพิ่มความยืดหยุ่นในการชำระหนี้ของผู้ถือบัตรโดยบัตรเครดิตประเภทนี้มีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้จ่ายในการชำระค่าสินค้าและบริการสําหรับการดำรง ชีวิตประจำวันเป็นสำคัญ มักมีการจำกัดวงเงินให้สินเชื่อ (Credit Line) ไว้ในระดับหนึ่ง บัตรเครดิตชนิดนี้ ได้แก่ บัตร VISA บัตร Master Card บัตรเครดิต ธนาคารต่าง ๆ เป็นต้น
นอกจากนั้น บัตรเครดิตประเภท Bank Card นี้ ยังสามารถออกร่วมกับบริษัทห้างร้านต่างๆ ซึ่งนิยมเรียกว่า Affinity Card หรือ Co-Brand Card โดย ผู้ถือบัตรลักษณะนี้จะได้รับสิทธิประโยชน์ หรือส่วนลดจากบริษัทห้างร้านที่ออกบัตรเพิ่มเติมตามที่กำหนดด้วย เช่น บัตรเครดิตที่ธนาคารออกร่วมกับห้างสรรพสินค้าซึ่งนอกจากลูกค้าจะได้รับเครดิตแล้วยังใช้เป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าบางประการตามที่ห้างสรรพสินค้ากำหนดได้อีกด้วย
Store Card หรือ Private Label หมายถึง บัตรเครดิตที่ร้านค้าซึ่งโดยมากจะเป็นร้านสรรพสินค้าใหญ่ๆ เป็นผู้ออกให้ แก่ลูกค้าโดยตรง เพื่อใช้ซื้อสินค้าและบริการในเครือข่ายหรือในสถานประกอบการ ของตนซึ่งมีลักษณะคล้ายบัตรเครดิตยุคแรกเริ่มนั่นเอง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่ง เสริมการขายของร้านค้าหรือของห้างนั้นๆ
Cash Card หมายถึง บัตรเครดิตที่เมื่อผู้ถือบัตรนำไปแสดงต่อธนาคารที่เกี่ยวข้องแล้วสามารถเบิกเงินสดล่วงหน้า ได้จากธนาคารผู้ออกบัตรหรือเบิกเงินสดล่วงหน้าได้โดยเบิกเงินจากเครื่อง ATM ที่เข้าร่วมให้บริการ ซึ่งผู้ใช้จะต้องเสียค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้
Debit Card จัดเป็นบัตรที่ไม่มี สินเชื่อ ใช้เบิกเงินสดหรือใช้ชำระค่าสินค้าและบริการโดยร้านค้าจะเรียกเก็บด้วยบริการ แม้บัตรเดบิตจะมีลักษณะที่ไม่ หักบัญชีของผู้ถือบัตรโดยตรงจากธนาคาร หรือหักผ่านระบบเครือข่ายของสถาบันบัตรเครดิตเหมือนกับบัตรเครดิต 5 ประเภทข้างต้น
แต่ในปัจจุบันตามประกาศของคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาสำนักงานคุ้ม ครองผู้บริโภค ซึ่งประกาศให้ธุรกิจบัตรเครดิตเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา กำหนดให้บัตรเครดิตหมายความรวมถึงบัตรเดบิตด้วย ความหมายของบัตรเดบิต บัตรเครดิตอาจมีลักษณะหนึ่งลักษณะใดหรือหลายลักษณะร่วมกันตามที่ได้อธิบายข้างต้นไว้ก็ได้
อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ให้ความหมายของบัตรเครดิตไว้ คือ บัตรที่ผู้ประกอบธุรกิจออกให้แก่ผู้บริโภคตามหลักเกณฑ์ค่าบริการหรือค่าอื่นใด และวิธี การที่ผู้ประกอบธุรกิจกำหนดเพื่อใช้ชำระ ค่าสินค้า แทนการชำระด้วยเงินสดหรือเพื่อใช้เบิกถอนเงินสด แต่ไม่รวมถึงบัตรที่ ได้มีการชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือค่าอื่นใดไว้ล่วงหน้าแล้ว
สมัครบัตรเครดิต
ในกรณีที่ลูกค้าต้องการชำระราคาด้วยบัตรเครดิต ก็จะต้องมอบบัตรเครดิตนั้นให้กับร้านค้าไปทำรายการตามที่เราเรียกกันว่า “ รูดบัตร ” ซึ่งจะมีเอกสารที่เกิดจากการรูดบัตรที่เรียกกันว่า “ เซลส์สลิป ” ให้ลูกค้าเซ็นชื่อ หลังจากนั้นร้านค้าจะนำ “ เซลส์สลิป ” ไปขอรับเงินจากผู้ให้บริการบัตรเครดิต ซึ่งในปัจจุบันวิธีดังกล่าวได้พัฒนาไปใช้ระบบอิเลคทรอนิค ที่ส่งรายการเรียกเก็บเงินดังกล่าวทางคอมพิวเตอร์แทนการส่งเอกสารที่เป็นเซลส์สลิป
เมื่อผู้ให้บริการบัตรเครดิตจ่ายเงินให้กับร้านค้าแล้ว ก็จะมาเรียกเก็บเงินจากลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตอีกทอดหนึ่ง
วิธีใช้บัตรเครดิตดังกล่าว นับว่าสะดวกสบายเพราะผู้ใช้ไม่ต้องพกเงินสดติดตัว เพียงแค่มีบัตรเครดิตใบเดียวก็สามารถจับจ่าย
ใช้สอยได้ในวงเงินตามที่ได้มีการตกลงกันไว้ นอกจากนี้ผู้ใช้บัตรเครดิตยังได้ประโยชน์จากระยะเวลาในการชำระเงิน ซึ่งกว่าจะ ชำระเงินจริงแก่ผู้ให้บริการบัตรเครดิตก็เป็นเวลาอีกหลายวันหลังจากที่มีการซื้อสินค้าหรือบริการแล้ว หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง แต่การใช้บัตรเครดิตนี้ก็อาจทำให้ผู้ใช้เพลิดเพลินกับการจับจ่ายใช้สอยจนเกินตัว โดยลืมคิดไปว่าอาจจะมีปัญหาในการจ่ายเงินให้กับผู้ให้บริการบัตรเครดิตที่มาเรียกเก็บเงินในภายหลัง หากลูกค้ามีข้อขัดข้องไม่สามารถจ่ายเงินตามเวลาที่กำหนด คราวนี้แหละปัญหากฎหมายจะตามมา เริ่มตั้งแต่การที่จะต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ซึ่งแต่เดิมผู้ให้บริการบัตรเครดิตสามารถที่จะเรียกดอกเบี้ยจากลูกค้าที่ไม่ชำระเงินตามกำหนดในอัตราดอกเบี้ยเท่าไรก็ได้ มีบางแห่งเคยกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ถึง 35 เปอร์เซ็นต์ต่อปี แต่ในปัจจุบันนี้อัตราดอกเบี้ยได้มีการควบคุมให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคบ้างแล้ว แต่ก็ยังถือว่าอัตราดอกเบี้ยของบัครเครดิตยังสูงมาก เมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร
นอกจากนี้ลูกค้ายังอาจต้องชำระค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก เช่น ค่าติดตามทวงถาม ในกรณีถึงขั้นต้องฟ้องร้องกันในศาล ก็จะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีเพิ่มเข้ามาอีกด้วย
การดำเนินคดีในศาล ลูกค้าซึ่งเปลี่ยนฐานะมาเป็นจำเลยมักมีข้อต่อสู้คดีว่า จำเลยไม่ได้ใช้บัตรเครดิตในการซื้อสินค้าและบริการ จึงไม่ได้เป็นหนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ให้บริการบัตรเครดิตที่เปลี่ยนฐานะมาเป็นโจทก์ ต้องมาพิสูจน์การใช้บัตรเครดิตของจำเลยว่ามีการใช้บัตรเครดิตจริง และจำเลยเป็นหนี้ตามจำนวนเงินที่ฟ้องร้องกันจริง นอกจากนี้ยังมีข้อต่อสู้ในเรื่องอัตราดอกเบี้ยว่า โจทก์เรียกอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินไป ซึ่งหากศาลเห็นด้วยกับข้อต่อสู้ของจำเลยก็จะมีคำวินิจฉัยให้ยกฟ้องหรือลดอัตราดอกเบี้ยลง เหลืออัตราที่เป็นธรรมกับโจทก์และจำเลย
ข้อต่อสู้ยอดฮิตของจำเลยอีกประการหนึ่ง คือเรื่อง “ อายุความ ” ข้อพิจารณาเรื่องนี้คือ ในกรณีที่หนี้สินเกิดจากการใช้บัตรเครดิตที่ผู้ให้บริการบัตรเครดิตเรียกให้ลูกค้าชำระเงินจะมีอายุความ 2 ปี เริ่มนับตั้งแต่วันถึงกำหนดที่ลูกค้าต้องชำระเงินตามที่เรียกเก็บ หากปรากฏว่าไม่ได้มีการชำระเงินจนล่วงเลยเวลาสองปีแล้ว เจ้าหนี้นำคดีมาฟ้อง ถ้าลูกหนี้หยิบยกเรื่องหนี้ขาดอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ศาลจะมีคำพิพากษายกฟ้อง แต่ถ้าการใช้บัตรเครดิตรายใดมีข้อตกลงให้เรียกเก็บเงินโดยการหักเงินจากบัญชีกระแสรายวัน ซึ่งเป็นข้อตกลงบัญชีเดินสะพัดที่ลูกค้ามีอยู่กับธนาคาร ในกรณีนี้จะเห็นได้ว่าผู้ให้บริการบัตรเครดิตได้รับชำระเงินจากลูกค้าด้วยวิธีหักเงินของลูกค้าในบัญชีเดินสะพัด ซึ่งลูกค้าจะกลายมาเป็นลูกหนี้ในบัญชีเดินสะพัดของธนาคาร ถ้าไม่มีการชำระหนี้ ธนาคารอาจฟ้องร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ตามสัญญาบัญชีเดินสะพัด กรณีนี้จะมีอายุความ 10 ปี โดยเริ่มนับอายุความตั้งแต่วันครบกำหนดชำระหนี้ ถ้าเจ้าหนี้ฟ้องคดีภายใน 10 ปีก็เป็นอันว่าคดีนั้นไม่ขาดอายุความ สมัครบัััััตรเครดิต
ผู้บริโภคมีข้อควรระวังเกี่ยวกับบัตรเครดิต คือ
1. การขอใช้บัตรเครดิตในขณะนี้ทำได้ง่ายมาก เพียงแต่ส่งใบสมัครทางไปรษณีย์พร้อมเอกสารประจำตัว คือสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาบัญชีเงินฝาก เมื่อผู้ให้บริการบัตรเครดิตอนุมัติก็จะส่งบัตรเครดิตมาให้ผู้ขอทางไปรษณีย์เช่นเดียวกัน โดยที่ทั้งสองฝ่ายไม่ต้องพบหน้าค่าตากันแต่อย่างไร เป็นช่องทางให้ผู้ทุจริตลักลอบนำเอกสารประกอบคำขอดังกล่าวของคนอื่นไปใช้ขอบัตรเครดิตได้ จึงเป็นข้อสังเกตให้พึงระวังว่าต้องเก็บรักษาเอกสารสำคัญไว้ให้ดี
2. ในกรณีที่ต้องการขอใช้บัตรเครดิต เวลากรอกใบสมัครฯ หากมีบริการเสริมส่วนใดที่ไม่ต้องการใช้ ต้องขีดคร่อมข้อความหรือช่องว่างที่ให้กรอกข้อความทิ้ง เช่น การขอให้คนอื่นมีสิทธิใช้บัตรเสริมคู่กับบัตรหลักของเรา, การขอเบิกถอนเงินสดอัตโนมัติ ฯลฯ เป็นการปิดช่องทางที่อาจเกิดการทุจริต
3. เมื่อบัตรเครดิตสูญหายหรือถูกขโมยไป ผู้ใช้บัตรเครดิตยังคงต้องรับผิดชอบต่อรายการใช้บัตรเครดิตที่เกิดขึ้น จนกว่าจะได้แจ้งผู้ให้บริการบัตรเครดิตทราบถึงการที่บัตรสูญหายแล้ว จึงควรจะจดจำหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ให้บริการบัตรเครดิตไว้ เมื่อเกิดกรณีบัตรสูญหายจะต้องโทรศัพท์แจ้งระงับการใช้บัตรทันที หลังจากนั้นต้องหาวิธีแจ้งบัตรสูญหายให้มีหลักฐานการแจ้งไว้ด้วย เช่น แจ้งเป็นหนังสือส่งถึงผู้ให้บริการบัตรเครดิตโดยเก็บหลักฐานการส่งเพื่อใช้อ้างอิงต่อไป
4. ระมัดระวังการค้างชำระหนี้อย่าให้กลายเป็นหนี้เสีย เพราะข้อมูลเครดิตจะถูกส่งไปเก็บไว้ที่ศูนย์ประมวลข้อมูลเครดิต หากในโอกาสหน้าที่ต้องทำกิจการเกี่ยวข้องกับการเงิน ก็อาจถูกตรวจสอบพบข้อมูลหนี้เสียใน “ บัญชีดำ ” ได้
บัตรเครดิตจึงมีทั้งประโยชน์และอาจมีทั้งปัญหากับผู้ใช้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความระมัดการเก็บรักษาบัตรเครดิต การวางแผนใช้จ่ายอย่างรอบคอบ และถ้าหากมีปัญหาหนี้สินที่ไม่สามารถใช้หนี้คืนให้กับเจ้าหนี้ได้แล้วก็จะเป็นปัญหาที่ติดตัวไปในระยะยาวได้
บัตรเครดิต สามารถจำแนกได้หลายประเภท หากจำแนกตามขอบเขตของการใช้บัตร
สามารถจำแนกได้เป็น 3 ประเภท คือ 1.บัตรเครดิตที่สามารถใชได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ (International Credit Card) เช่น บัตรเครดิต VISA บัตร Master บัตร Dinerัs Club และบัตร American Express เป็นต้น 2.บัตรเครดิต ที่ใช้ได้เฉพาะภายในประเทศ (Local Credit Card) เช่น บัตรเครดิตธนาคาร กรุงศรีอยุธยา ประเภทสุดท้าย คือ บัตรเครดิตที่ใช้เฉพาะร้านค้า (Store Card หรือ Private Label) ได้แก่ บัตรเครดิตเซ็นทรัล บัตรเครดิตเพาเวอร์บาย บัตรเครดิตเทสโก้โลตัส เป็นต้น
นอกจากนี้ บัตรเครดิตยังนิยมจำแนก ลักษณะได้อีกบางประเภท ดังนี้ Charge Card ได้แก่ บัตรเครดิตประเภทที่ผู้ถือบัตรจะต้องชำระยอดหนี้สินให้เสร็จสิ้นไปภายในระยะเวลาอันสั้นที่กำหนดไว้ ซึ่งโดยปกติได้แก่ 1 เดือน บัตรเครดิตประเภทนี้มีจุดประสงค์ในการใช้สอยเพื่อชำระค่าบริการการเดินทางและท่องเที่ยวพักผ่อน (Travel and Entertainment Card) เป็นสาคัญ
บัตรประเภทนี้มักไม่ค่อยจำกัดวงเงิน ค่าใช้จ่ายล่วงหน้า กลุ่มเป้าหมายคือนักบริหารหรือบุคคลผู้มีฐานะทางการเงินดี ที่ต้องเดินทางหรือต้องเลี้ยงรับรองแขกอยู่เป็นประจำ บัตรเครดิตประเภทนี้ ได้แก่ บัตร Dinerัs Club และบัตร American Express Card (AMEX)
Credit Card หรือ Bank Card เป็นบัตรเครดิตที่มักออกโดยสถาบันการเงินออกร่วมกับสถาบันบัตรเครดิตต่างประเทศ (International Credit Card) หรือสถาบันการเงินออกบัตรเครดิตเป็นของตนเอง (Local Credit Card) บัตรเครดิตนี้ นอกจากมีลักษณะการชำระเช่น เดียวกับ Charge Card คือต้องชำระยอด หนี้สินให้เสร็จสิ้นไปภายในระยะเวลาอันสั้นที่กำหนดไว้
ซึ่งโดยปกติ ได้แก่ 1 เดือนโดยไม่เสียดอกเบี้ย ผู้ถือบัตรยังสามารถเลือกชำระเงินคืนแต่เพียงบางส่วนได้ด้วยการใช้สินเชื่อหมุนเวียน (Revolving Credit) โดยเสียดอกเบี้ยด้วยก็ได้ ในกรณีนี้ยอดค้างชำระของบัตรเครดิตจะแปลงสภาพเป็นเงินกู้ที่ต้องผ่อนชำระเป็นรายงวด อันเป็นช่องทางเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ออกบัตรอีกทางหนึ่ง
และอีกด้านหนึ่งเป็นการเพิ่มความยืดหยุ่นในการชำระหนี้ของผู้ถือบัตรโดยบัตรเครดิตประเภทนี้มีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้จ่ายในการชำระค่าสินค้าและบริการสําหรับการดำรง ชีวิตประจำวันเป็นสำคัญ มักมีการจำกัดวงเงินให้สินเชื่อ (Credit Line) ไว้ในระดับหนึ่ง บัตรเครดิตชนิดนี้ ได้แก่ บัตร VISA บัตร Master Card บัตรเครดิต ธนาคารต่าง ๆ เป็นต้น
นอกจากนั้น บัตรเครดิตประเภท Bank Card นี้ ยังสามารถออกร่วมกับบริษัทห้างร้านต่างๆ ซึ่งนิยมเรียกว่า Affinity Card หรือ Co-Brand Card โดย ผู้ถือบัตรลักษณะนี้จะได้รับสิทธิประโยชน์ หรือส่วนลดจากบริษัทห้างร้านที่ออกบัตรเพิ่มเติมตามที่กำหนดด้วย เช่น บัตรเครดิตที่ธนาคารออกร่วมกับห้างสรรพสินค้าซึ่งนอกจากลูกค้าจะได้รับเครดิตแล้วยังใช้เป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าบางประการตามที่ห้างสรรพสินค้ากำหนดได้อีกด้วย
Store Card หรือ Private Label หมายถึง บัตรเครดิตที่ร้านค้าซึ่งโดยมากจะเป็นร้านสรรพสินค้าใหญ่ๆ เป็นผู้ออกให้ แก่ลูกค้าโดยตรง เพื่อใช้ซื้อสินค้าและบริการในเครือข่ายหรือในสถานประกอบการ ของตนซึ่งมีลักษณะคล้ายบัตรเครดิตยุคแรกเริ่มนั่นเอง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่ง เสริมการขายของร้านค้าหรือของห้างนั้นๆ
Cash Card หมายถึง บัตรเครดิตที่เมื่อผู้ถือบัตรนำไปแสดงต่อธนาคารที่เกี่ยวข้องแล้วสามารถเบิกเงินสดล่วงหน้า ได้จากธนาคารผู้ออกบัตรหรือเบิกเงินสดล่วงหน้าได้โดยเบิกเงินจากเครื่อง ATM ที่เข้าร่วมให้บริการ ซึ่งผู้ใช้จะต้องเสียค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้
Debit Card จัดเป็นบัตรที่ไม่มี สินเชื่อ ใช้เบิกเงินสดหรือใช้ชำระค่าสินค้าและบริการโดยร้านค้าจะเรียกเก็บด้วยบริการ แม้บัตรเดบิตจะมีลักษณะที่ไม่ หักบัญชีของผู้ถือบัตรโดยตรงจากธนาคาร หรือหักผ่านระบบเครือข่ายของสถาบันบัตรเครดิตเหมือนกับบัตรเครดิต 5 ประเภทข้างต้น
แต่ในปัจจุบันตามประกาศของคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาสำนักงานคุ้ม ครองผู้บริโภค ซึ่งประกาศให้ธุรกิจบัตรเครดิตเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา กำหนดให้บัตรเครดิตหมายความรวมถึงบัตรเดบิตด้วย ความหมายของบัตรเดบิต บัตรเครดิตอาจมีลักษณะหนึ่งลักษณะใดหรือหลายลักษณะร่วมกันตามที่ได้อธิบายข้างต้นไว้ก็ได้
อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ให้ความหมายของบัตรเครดิตไว้ คือ บัตรที่ผู้ประกอบธุรกิจออกให้แก่ผู้บริโภคตามหลักเกณฑ์ค่าบริการหรือค่าอื่นใด และวิธี การที่ผู้ประกอบธุรกิจกำหนดเพื่อใช้ชำระ ค่าสินค้า แทนการชำระด้วยเงินสดหรือเพื่อใช้เบิกถอนเงินสด แต่ไม่รวมถึงบัตรที่ ได้มีการชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือค่าอื่นใดไว้ล่วงหน้าแล้ว
สมัครบัตรเครดิต
เงินกู้ยืม วิธีการในการกู้ยืม เมื่อคุณคิดที่จะกู้ยืมเงิน คุณควรพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ ประกอบกัน ถ้าจะให้ดีแล้ว คุณ
ควรพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ ดังนี้ • หาข้อมูลแหล่งเงินกู้หรือสถาบันการเงินที่จะกู้ไว้หลายๆ แห่ง • ประเมินเงื่อนไขของเงินกู้ • ให้รู้วิธีคิดต้นทุนของสินเชื่อ • พิจารณาถึงความสามารถในการรับภาระหนี้ของคุณเอง คุณสามารถกู้เงินได้จากที่ใด สินเชื่อผู้บริโภคส่วนใหญ่มาจากธนาคาร บริษัทที่ให้บริการสินเชื่อ และสถาบันการเงินอื่นๆ นอกจากนี้ คนจำนวนหนึ่งยืมเงินจากญาติสนิทมิตรสหาย หรือบุคคลอื่นซึ่งอาจเป็นแหล่งสินเชื่อที่ดีหรือไม่ดีก็ได้ บุคคลซึ่งให้คุณกู้ยืมโดยไม่มีที่ทำการที่ถาวรอาจให้กู้โดยคิดอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าที่กฎหมายอนุญาต แต่ไม่ว่าคุณจะกู้เงินจากใคร คุณต้องกู้โดยมีสัญญาที่ลงลายเซ็น และควรอ่านสัญญาให้ละเอียดโดยเฉพาะข้อสัญญาต่างๆ และการคิดดอกเบี้ยและการชำระเงิน คุณต้องเตรียมการชำระคืนอย่างไร เมื่อคุณกู้เงิน คุณควรตระหนักตั้งแต่เริ่มต้นว่าคุณต้องเตรียมเงินเพื่อการชำระคืนอย่างไรนอกจากนี้ คุณยังต้องกันเงินไว้สำหรับการผ่อนชำระรายเดือนพร้อมดอกเบี้ย ซึ่งจำนวนเงินที่ต้องผ่อนชำระนี้ก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่กู้ และอัตราดอกเบี้ยที่สถาบันการเงินคิด ท้ายที่สุด คุณยังต้องกันเงินไว้สำหรับค่าประกัน ค่าประเมินราคาบ้าน ค่าธรรมเนียมและภาษีต่างๆ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับประเภทเงินกู้ที่คุณขอกู้ ประเภทเงินกู้ที่รู้จักกันทั่วไป การเช่าซื้อ ในประเทศไทยนั้น การเช่าซื้อเป็นวิธีการที่ใช้กันทั่วไปในการซื้อขายรถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซค์ กรรมสิทธิ์ของรถจะถูกโอนจากบริษัท/สถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อมาเป็นของผู้ซื้อโดยอัตโนมัติ หลังจากผู้ซื้อได้ผ่อนชำระค่างวดครบถ้วน การเช่าซื้อนี้ผู้เช่าต้องเซ็นสัญญาเช่าซื้อกับบริษัทที่ให้บริการเช่าซื้อ เมื่อคุณทำสัญญาเช่าซื้อ คุณกำลังเช่ารถยนต์คันนั้นจากบริษัทที่ให้บริการเช่าซื้อซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์คันนั้น บริษัทเงินทุนได้ชำระราคารถยนต์คันนั้นทั้งหมดให้แก่ผู้ขายแล้ว (ซึ่งอาจเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ผู้แทนจำหน่าย หรือผู้ขายรถยนต์มือสอง) แล้วคุณก็ชำระเงินดาวน์ให้แก่บริษัทที่ให้บริการเช่าซื้อเพื่อนำรถยนต์ไปใช้ และก็ชำระเงินค่างวดรายเดือนตามที่กำหนดไว้สำหรับราคารถยนต์ทั้งหมดภายในระยะเวลาที่กำหนด อัตราดอกเบี้ยสำหรับการเช่าซื้อมักกำหนดเป็นอัตราคงที่ และคิดตามเงินค่างวดรายเดือนที่ชำระตามจำนวนปีที่ผ่อนชำระ เงินกู้ซื้อบ้าน เงินกู้ซื้อบ้านก็เป็นเงินกู้อีกประเภทหนึ่งที่รู้จักกันทั่วไป โดยผู้ให้บริการเงินกู้มักจะเป็นธนาคาร วิธีการก็จะคล้ายกับการเช่าซื้อ เพียงแต่แทนที่คุณจะเซ็นสัญญาเช่าซื้อ คุณก็จะเซ็นสัญญากู้เงินกับธนาคารผู้ให้กู้ ธนาคารที่ให้กู้นั้นได้ชำระราคาค่าบ้านให้แก่ผู้ขายแล้ว (ซึ่งอาจเป็นบริษัทผู้สร้างบ้าน หรือบุคคลผู้เป็นเจ้าของในกรณีเป็นบ้านมือสอง) แล้วคุณก็ชำระเงินก้อนหนึ่งเป็นเงินดาวน์ให้แก่ธนาคาร และผ่อนชำระเงินกู้ที่เหลือเป็นรายเดือนในระยะเวลาตามกำหนด วงเงินที่กู้และระยะเวลาชำระคืนจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการชำระคืนจำนวนเงินที่กู้และอายุของคุณ ยิ่งคุณมีอายุมากเท่าไหร่ระยะเวลาชำระคืนก็จะสั้นลง เนื่องจากเกี่ยวโยงกับระยะเวลาที่ยังมีคนจ้างคุณทำงาน ผู้ให้กู้จะมองว่าคุณอาจไม่สามารถผ่อนชำระเงินกู้ เมื่อคุณไม่ได้เป็นลูกจ้างเนื่องจากคุณอาจไม่มีรายได้ประจำอีกต่อไป กรรมสิทธิ์ในบ้านจะโอนจากธนาคารเป็นของคุณก็ต่อเมื่อคุณชำระเงินกู้และเงินต่างๆ ที่ค้างชำระทั้งหมดแล้วเท่านั้น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านจะคิดจากฐานของอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมลูกค้าชั้นดี (MLR) บวกอีกกี่เปอร์เซ็นต์ก็แล้วแต่สภาเศรษฐกิจและสถานะทางการเงินของประเทศ ณ ขณะนั้นๆ และขึ้นอยู่กับนโยบายของสถาบันการเงินแต่ละแห่ง ด้วย การรีไฟแนนซ์เงินกู้ซื้อบ้านก็เริ่มเป็นที่นิยม โดยเกิดขึ้นเมื่อคุณรู้สึกว่าธนาคารที่คุณกู้อยู่นั้นคิดอัตราดอกเบี้ยสูงมากเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณตัดสินใจที่จะรีไฟแนนซ์เงินกู้ซื้อบ้านกับธนาคารอีกแห่งหนึ่ง คุณก็จะต้องเซ็นสัญญากู้เงินฉบับใหม่กับธน าคารแห่งใหม่ที่จะให้กู้ซึ่งอาจต้องมีค่าธรรมเนียมเกิดขึ้น เพื่อให้มีความสมเหตุสมผล คุณค วรเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการหาแหล่งเงินกู้ใหม่บวกกับดอกเบี้ยที่จะ เสียน้อยลงเมื่อเทียบกับดอกเบี้ยที่ต้องเสียหากไม่เปลี่ยนแหล่งเงินกู้ การค้ำประกันส่วนบุคคล ในการให้กู้ยืม สถาบันการเงินมักจะทำการประเมินสินเชื่อสำหรับผู้มาขอสินเชื่อโดยพิจารณาความน่าเชื่อถือของบุคคลนั้นในการที่จะให้สินเชื่อเงินกู้ จากผลการประเมินนั้น สถาบันการเงินอาจขอให้ผู้มาขอสินเชื่อหาบุคคลมาค้ำประกันสำหรับวงเงินที่ขอกู้ นี่ถือเป็นหลักประกันอีกหลักประกันหนึ่งสำหรับธนาคารผู้ให้กู้นอกเหนือไปจากรถยนต์หรือบ้านที่ธนาคารใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในกรณีที่คุณผิดนัดการผ่อนชำระรายเดือน หากคุณได้รับการขอร้องจากเพื่อนหรือญาติให้เป็นบุคคลค้ำประกันก็ควรระมัดระวังไว้เนื่องจากหากผู้กู้นั้นผิดนัดชำระเงินใดๆ คุณก็จะต้องรับผิดสำหรับเงินกู้ที่ยังค้างชำระอยู่รวมทั้งดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดและค่าปรับอื่นๆ ที่สถาบันการเงินแห่งนั้นจะคิด ในการเป็นบุคคลผู้ค้ำประกันนั้น สถาบันการเงินสามารถเรียกร้องให้คุณชำระเต็มจำนวนที่ยังค้างชำระอยู่ โดยที่รถยนต์คันนั้นหรือบ้านหลังนั้นยังเป็นชื่อของผู้กู้ ต้นทุนของสินเชื่อ สินเชื่อของคุณนั้นมีต้นทุน ซึ่งจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวิธีคิดยอดค้างชำระซึ่งเป็นยอดที่คุณต้องเสียดอกเบี้ย เป็นการค่อนข้างยากที่จะคำนวณดอกเบี้ยที่คุณต้องเสียเมื่อ คุณเริ่มใช้บัตรเครดิตเป็นประจำแล้วก็มียอดค้างชำระ สิ่งที่คุณควรกระทำในเรื่องเกี่ยวกับดอกเบี้ยของบัตรเครดิตคือพยายามชำระเงินคืนบัตรเครดิตเต็มจำนวนในแต่ละรอบบัญชี หากคุณไม่สามารถชำระคืนเต็มจำนวน ก็ให้ชำระจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะชำระได้ และชำระเงินคืนบัตรเครดิตให้หมดก่อนที่คุณจะซื้อของชิ้นใหม่ด้วยบัตรเครดิตใบนั้น ผู้ออกบัตรเครดิตต่างสถาบันก็อาจคิดอัตราดอกเบี้ยแตกต่างกันคุณควรแน่ใจว่าคุณเข้าใจวิธีการคิดดอกเบี้ยก่อนที่คุณจะเลือกผ่อนชำระยอดค้างชำระบัตรเครดิต |