การเช่าซื้อ
ในประเทศไทยนั้น การเช่าซื้อเป็นวิธีการที่ใช้กันทั่วไปในการซื้อขายรถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซค์ กรรมสิทธิ์ของรถจะถูกโอนจากบริษัท/สถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อมาเป็นของผู้ซื้อโดยอัตโนมัติ หลังจากผู้ซื้อได้ผ่อนชำระค่างวดครบถ้วน การเช่าซื้อนี้ผู้เช่าต้องเซ็นสัญญาเช่าซื้อกับบริษัทที่ให้บริการเช่าซื้อ เมื่อคุณทำสัญญาเช่าซื้อ คุณกำลังเช่ารถยนต์คันนั้นจากบริษัทที่ให้บริการเช่าซื้อซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์คันนั้น บริษัทเงินทุนได้ชำระราคารถยนต์คันนั้นทั้งหมดให้แก่ผู้ขายแล้ว (ซึ่งอาจเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ผู้แทนจำหน่าย หรือผู้ขายรถยนต์มือสอง) แล้วคุณก็ชำระเงินดาวน์ให้แก่บริษัทที่ให้บริการเช่าซื้อเพื่อนำรถยนต์ไปใช้ และก็ชำระเงินค่างวดรายเดือนตามที่กำหนดไว้สำหรับราคารถยนต์ทั้งหมดภายในระยะเวลาที่กำหนด อัตราดอกเบี้ยสำหรับการเช่าซื้อมักกำหนดเป็นอัตราคงที่ และคิดตามเงินค่างวดรายเดือนที่ชำระตามจำนวนปีที่ผ่อนชำระ เงินกู้ซื้อบ้าน เงินกู้ซื้อบ้านก็เป็นเงินกู้อีกประเภทหนึ่งที่รู้จักกันทั่วไป โดยผู้ให้บริการเงินกู้มักจะเป็นธนาคาร วิธีการก็จะคล้ายกับการเช่าซื้อ เพียงแต่แทนที่คุณจะเซ็นสัญญาเช่าซื้อ คุณก็จะเซ็นสัญญากู้เงินกับธนาคารผู้ให้กู้ ธนาคารที่ให้กู้นั้นได้ชำระราคาค่าบ้านให้แก่ผู้ขายแล้ว (ซึ่งอาจเป็นบริษัทผู้สร้างบ้าน หรือบุคคลผู้เป็นเจ้าของในกรณีเป็นบ้านมือสอง) แล้วคุณก็ชำระเงินก้อนหนึ่งเป็นเงินดาวน์ให้แก่ธนาคาร และผ่อนชำระเงินกู้ที่เหลือเป็นรายเดือนในระยะเวลาตามกำหนด วงเงินที่กู้และระยะเวลาชำระคืนจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการชำระคืนจำนวนเงินที่กู้และอายุของคุณ ยิ่งคุณมีอายุมากเท่าไหร่ระยะเวลาชำระคืนก็จะสั้นลง เนื่องจากเกี่ยวโยงกับระยะเวลาที่ยังมีคนจ้างคุณทำงาน ผู้ให้กู้จะมองว่าคุณอาจไม่สามารถผ่อนชำระเงินกู้ เมื่อคุณไม่ได้เป็นลูกจ้างเนื่องจากคุณอาจไม่มีรายได้ประจำอีกต่อไป กรรมสิทธิ์ในบ้านจะโอนจากธนาคารเป็นของคุณก็ต่อเมื่อคุณชำระเงินกู้และเงินต่างๆ ที่ค้างชำระทั้งหมดแล้วเท่านั้น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านจะคิดจากฐานของอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมลูกค้าชั้นดี (MLR) บวกอีกกี่เปอร์เซ็นต์ก็แล้วแต่สภาพเศรษฐกิจและสถานะทางการเงินของประเทศ ณ ขณะนั้นๆ และขึ้นอยู่กับนโยบายของสถาบันการเงินแต่ละแห่ง ด้วย การรีไฟแนนซ์เงินกู้ซื้อบ้านก็เริ่มเป็นที่นิยม โดยเกิดขึ้นเมื่อคุณรู้สึกว่าธนาคารที่คุณกู้อยู่นั้นคิดอัตราดอกเบี้ยสูงมากเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณตัดสินใจที่จะรีไฟแนนซ์เงินกู้ซื้อบ้านกับธนาคารอีกแห่งหนึ่ง คุณก็จะต้องเซ็นสัญญากู้เงินฉบับใหม่กับธน าคารแห่งใหม่ที่จะให้กู้ซึ่งอาจต้องมีค่าธรรมเนียมเกิดขึ้น เพื่อให้มีความสมเหตุสมผล คุณควรเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการหาแหล่งเงินกู้ใหม่บวกกับดอกเบี้ยที่จะ เสียน้อยลงเมื่อเทียบกับดอกเบี้ยที่ต้องเสียหากไม่เปลี่ยนแหล่งเงินกู้ การค้ำประกันส่วนบุคคล ในการให้กู้ยืม สถาบันการเงินมักจะทำการประเมินสินเชื่อสำหรับผู้มาขอสินเชื่อโดยพิจารณาความน่าเชื่อถือของบุคคลนั้นในการที่จะให้สินเชื่อ จากผลการประเมินนั้น สถาบันการเงินอาจขอให้ผู้มาขอสินเชื่อหาบุคคลมาค้ำประกันสำหรับวงเงินที่ขอกู้ นี่ถือเป็นหลักประกันอีกหลักประกันหนึ่งสำหรับธนาคารผู้ให้กู้นอกเหนือไปจากรถยนต์หรือบ้านที่ธนาคารใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในกรณีที่คุณผิดนัดการผ่อนชำระรายเดือน หากคุณได้รับการขอร้องจากเพื่อนหรือญาติให้เป็นบุคคลค้ำประกันก็ควรระมัดระวังไว้เนื่องจากหากผู้กู้นั้นผิดนัดชำระเงินใดๆ คุณก็จะต้องรับผิดสำหรับเงินกู้ที่ยังค้างชำระอยู่รวมทั้งดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดและค่าปรับอื่นๆ ที่สถาบันการเงินแห่งนั้นจะคิด ในการเป็นบุคคลผู้ค้ำประกันนั้น สถาบันการเงินสามารถเรียกร้องให้คุณชำระเต็มจำนวนที่ยังค้างชำระอยู่ โดยที่รถยนต์คันนั้นหรือบ้านหลังนั้นยังเป็นชื่อของผู้กู้ |